“ช้อปปิ้งออนไลน์” ให้มันส์ ต้องรู้ทันร้านค้าออนไลน์

ถ้าจะ “ช้อปปิ้งออนไลน์” ให้มันส์ ก็ต้องรู้ทันกลลวงร้านค้าออนไลน์

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการซื้อของ จับจ่ายซื้อสินค้านั้นไม่ได้มีอยู่ตามตลาด ห้างร้านหรือห้างสรรพสินค้าอีกต่อไปแล้ว

ความเข้าถึงได้ง่ายของเทคโนโลยี3-5G ในปัจจุบันบนมือถือ สมาร์ทโฟน แทบเล็ต(Tablet) หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนแล้วแต่สร้างความสะดวกสบายในการซื้อสินค้ามากขึ้น

ทั้งความง่าย สะดวกและรวดเร็ว หมดปัญหาเรื่องของการเดินทาง รถติด ค่าเดินทาง ประหยัดเวลา แถมในบางครั้งก็ยังได้สินค้าที่มีราคาถูกกว่าตามท้องตลาดอีกด้วย เพราะร้านค้าที่ขายของออนไลน์นั้นมีต้นทุนในการดำเนินการของร้านต่ำกว่าออฟไลน์ จึงสามารถให้ส่วนลด หรือบริการที่ดีกว่าได้

ทำให้ผู้คนในสังคมไทยหรือแม้แต่ในหลายๆประเทศนิยมจับจ่ายใช้สอยเงินในกระเป๋าผ่านโลกออนไลน์กันมากขึ้น ถึงแม้ว่าการซื้อ-ขายของออนไลน์นี้จะเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นแหล่งโคจรของเหล่ามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสแฝงตัวเข้ามาอีกไม่น้อยเช่นกัน

ด้วยความสะดวก สบาย ประหยัดและเข้าถึงง่ายนี่เอง จึงทำให้การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้วที่จะเติบโตทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย แต่อีกด้านหนึ่งการเติบโตของธุรกิจขายของหรือช้อปออนไลน์นี้ก็ทำให้เกิดปัญหาหลายๆอย่างตามมาเช่น

• ลูกค้าบางรายได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือคุณภาพต่ำกว่าที่โฆษณาขายไว้ในสื่อออนไลน์ โซเชียลหรือเว็บไซต์
• ได้สินค้าไม่ตรงกับสินค้าที่เราสั่งซื้อบ้าง ไม่ตรงกับความต้องการบ้าง
• รวมไปถึงการโฆษณาที่เกินจริง หลอกลวงผู้บริโภค

จนกลายเป็นปัญหาที่เกิดการร้องเรียนเข้ามายังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ)มากมายไม่ขาดสาย มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิพม์และสื่อต่างๆจนชินตา

เพื่อป้องกันการโดนหลอกจากการซื้อสินค้าออนไลน์จนทำให้ต้องสูญเสียเงินไปอย่างไม่น่าเสียนั้น เรามีเคล็ดลับเล็กๆที่ต้องกระซิบเบาๆ(บอกเล่าดังๆ)มาฝาก เพื่อป้องกันความผิดพลาดเสียท่าที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อเป็นข้อสังเกตก่อนที่จะตัดสินใจจับจ่ายซื้อของออนไลน์กัน ดังนี้

เทคนิคช้อปออนไลน์ ผ่านโซเชียลหรือเว็บไซต์

1. ช้อปออนไลน์ด้วยอุปกรณ์ส่วนตัว จุดแรกที่สำคัญเลยคือ หลีกเลี่ยงการทำรายการช้อปออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์สาธารณะทั่วไป ควรทำผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรือบนสมาร์ทโฟนส่วนตัวเพราะเว็บไซต์ช้อปออนไลน์ชั้นนำได้ออกออกแบบเว็บให้รองรับการแสดงผลบนหน้าจออุปกรณ์ไอทีต่างๆอยู่แล้ว
2. ดูรายละเอียดสินค้าและอื่นๆให้ถี่ถ้วนก่อนคลิ๊กซื้อ ต้องไม่ลืมที่จะเลื่อนเมาส์หรือสไลด์ลงมาอ่านข้อมูลสินค้าให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนคลิกสั่งซื้อ เช่น ราคาสินค้า ชื่อรุ่น สี ไซส์ น้ำหนัก สเปค คุณสมบัติต่างๆ การรับประกันหรือแม้แต่แหล่งที่มาของสินค้า ยกตัวอย่าง ประกันครอบคลุมศูนย์บริการในเมืองไทยหรือไม่ หรือเช็ควันหมดอายุและวันเดือนปีที่ผลิตสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
3. ชื่อโดเมน(ชื่อเว็บไซต์) ไม่ได้เป็นฟรีโดเมน เช่น www.appleshop.co.cc  เอาง่ายๆคือไม่ใช่พวกที่ลงท้ายว่า .com .net แต่เป็นชื่อไม่คุ้นตาเช่น .co.cc  หรือไม่ได้เป็นชื่อโดเมนโดยตรง แต่เป็นการเปิดร้านค้าออนไลน์กับเว็บไซต์ที่ให้บริการเปิดร้านขายของบนเน็ตอีกที เช่น www.loveshop.com/ชื่อร้าน
4. นำชื่อ เบอร์โทรศัพท์ หรือ Usename ของคนขายมาค้นหาใน Google หากชื่อนี้เคยหลอกลวงคนอื่นมาก่อนแล้วกลับมาโพสต์ของของอีก ก็จะพบว่ามีคนพูดถึงรายละเอียดคดีความของเขาขึ้นมาเลย..
5. ให้กดค้นหาชื่อร้านค้า หรือคนขายในเฟสบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ ตรวจสอบสถานะว่ามีการขายของจริงๆหรือไม่? เพราะเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ย่อมหนีไม่พ้นที่จะมีตัวตนผ่านเครื่องมือต่างของโซเชียลอย่างแน่นอน
6. ลองค้นหาในเว็บไซต์ที่สามารถตรวจสอบตัวตนได้ เช่นตรวจสอบจากผู้ที่เคยซื้อว่าได้รับสินค้าจริงๆหรือไม่? อาจจะหลังไมค์ไปพูดคุยกับคนที่เคยสั่งซื้อ ที่มีชื่อปรากฏการสั่งจองสินค้าไว้ เช่น ถ้าร้านขายในเฟสบุ๊คเราก็ Inbox เลย ไปสอบถามความรู้สึก ความคิดเห็นว่า สินค้าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเก็บข้อมูลประกอบการตัดสินใจอีกทางนึง
   • www.Peekyou.com
   • www.touchgraph.com/seo
   • www.socialmention.com  แล้วใส่ชื่อหรือ Username ของผู้ขายลงไป ก็จะเจอข้อมูลมากมาย ทั้งอีเมลล์,เบอร์โทร,ข้อมูลบนเวปต่างๆ,รายละเอียดและโซเชียลเน็ตเวิร์คของเขา
7. อย่าเห็นแก่ของราคาถูก! ขอย้ำ..ถ้าพบว่าร้านค้าหรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ใดขายของถูกเกินจริงก็ยิ่งต้องสังเกตให้ดีและพึงระวังเป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสโดนหลอกสูงมากๆ แถมยังมีอุทาหรณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณีนี้เยอะมาก
8. ลองสั่งซื้อของจำนวนน้อยๆก่อน เพื่อความมั่นใจว่าคนขายคนนั้นหรือร้านนั้นๆส่งของจริง และมีตัวตนจริงๆ หากเป็นคนโกงหรือพวกมิจฉาชีพเขาจะพยายามให้คุณสั่งของทีละมากๆให้ระวังเอาไว้
9. อย่าไว้ใจเพียงแค่โซเชียลเน็ตเวิร์คของผู้ขาย เพราะบางคนมีหลายบัญชี ให้พยายามขอบัญชีที่เขาใช้ ที่สามารถเห็นเพื่อนๆและพฤติกรรมของเขาจริงๆได้ หากมีความจริงใจจริงๆเขาควรต้องให้
10. ตรวจสอบดูความใหม่ของสินค้าบนหน้าเว็บไซต์และการอัพเดทเว็บไซต์นั้น หากเว็บไซต์มีการอัพเดทอยู่เป็นประจำ เช่น มีสินค้าใหม่ๆ , มีการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นฯ การอัพเดทสินค้าอยู่เป็นประจำก็แสดงให้เห็นว่า เจ้าของร้านมีการดูแลหน้าร้านออนไลน์ของเขาอยู่จริง มีตัวตน มีความเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นด้วย
11. ส่วนการจ่ายชำระเงินนั้น เมื่อคุณมั่นใจแล้วถ้าเป็นการโอนผ่านธนาคาร ก็พยายามเลือกร้านที่มีรีวิวการส่งสินค้า, มีการรับออเดอร์สินค้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ใช้รูปเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่าได้มีการส่งสินค้าจริง..
12. ไม่เปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิตกับคนอื่น การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ผู้ซื้อจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลบนบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส CVV2 / CVC2 (3 หลัก) ที่อยู่ด้านหลังบัตรให้คนอื่นได้รู้ เนื่องจากข้อมูลสำคัญเหล่านี้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ ควรเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ
13. สมัครสมาชิกก่อนซื้อเพื่อสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า เพราะการมีระบบสมาชิกย่อมหมายถึงสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า เช่น ส่วนลด,ราคาสมาชิก,โปรโมชั่นต่างๆ ที่สำคัญการสมัครสมาชิกที่แลกมาด้วยระยะเวลาการสมัครเพียงไม่กี่นาที ทั้งยังสะดวกและง่ายต่อการสื่อสารกับร้านค้าหรือเว็บไซต์ได้อย่างฉับไวมากขึ้นเพียงแค่อ้างอิงข้อมูลหรือหมายเลขสมาชิก  เช่น โปรแกรมสะสมแต้ม , ส่วนลดเพิ่มเติมเฉพาะสมาชิก และสิทธิพิเศษอื่นๆ
14. เก็บสลิปหรือหลักฐานการโอนเงิน หลังจากโอนเงินจ่ายค่าสินค้าให้กับทางร้านแล้ว ควรเก็บไว้จนกว่าจะได้รับสินค้า เพราะสลิปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับทางร้านได้ในภายหลัง

การซื้อของออนไลน์ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ..ทั้งยังสามารถช่วยคุณประหยัดเงิน ประหยัดเวลาได้มาก มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เพียงแต่คัดกรองให้ดี คุณก็จะมี Lifestyle ที่ง่าย ดีและมีคุณภาพขึ้นด้วย

และนี่คือ 14 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้ทัน ปลอดภัยและไม่ตกเป็นเหยื่อของการขายของออนไลน์จากพวกมิจฉาชีพอีกต่อไป… เพราะเงินในกระเป๋าของคุณไม่ควรสูญเสียไปฟรีๆด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพวกมิจฉาชีพออนไลน์

>>  ตรวจสอบเลข อย. ให้เป็น ป้องกันร้านค้าออนไลน์หลอกลวง <<