เบื่อไหม?? กับผิวหน้าที่มีแต่สิวผุดขึ้นมากมาย จนแอบสะดุ้งเมื่อเอามือลูบผิวหน้าแล้วเจอกับความไม่เรียบเนียน
ยิ่งปล่อยปละละเลย สิวก็ยิ่งผุดขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเก่ายังไม่ยุบ เม็ดใหม่ก็แอบผุดขึ้นมาอีก (เฮ้อ..เศร้า)
สุดท้ายก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป กับสภาพหนังหน้าที่คล้ายกับคางคกเช่นนี้ หลายคนวิ่งหาครีมแก้สิว ที่มาจากหลากหลายแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ หรือตามร้านขายครีมต่างๆ (ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมถึงไม่ไปรักษาที่คลีนิคผิวหนัง เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่ละครั้งมันมากจนแทบกระอัก ไม่มีตังค์จริงก็คงจะไปรักษาต่อเนื่องไม่ได้)
ใครที่โชคดีหน่อยก็อาจจะได้พบกับครีมแก้สิวจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ(ไม่ผสมสารสเตียรอยด์ หรือสารปรอท) ทาบนผิวหน้าแล้วไม่แพ้ เลิกใช้ครีมแล้วสิวก็ไม่เห่อขึ้นมาอีก
แต่ต้องบอกกันตรงๆว่า 80% ของผู้ใช้ที่สั่งซื้อครีมผ่านเน็ต มักจะโชคร้าย เพราะครีมแก้สิวที่ได้มานั้น มักเป็นครีมที่ไม่ได้คุณภาพ อาศัยเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม น่ารักน่าใช้ สีสันสดใส แต่กลับเป็นครีมที่ไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย
พอหลงกลซื้อมาใช้แล้วก็เกิดปัญหา ยิ่งทายิ่งใช้ สิวก็ยิ่งขึ้น หน้าก็ยิ่งแพ้ บางคนแจ็คพอตไปเจอครีมแก้สิวที่ผสมสารสเตียรอยด์เข้าไป พอใช้ในตอนแรกก็หน้าใสไร้สิวแบบรวดเร็ว สิวยุบลงอย่างมหัศจรรย์
ดีใจอยู่ได้ไม่นาน พออยากจะเปลี่ยนไปใช้ครีมตัวอื่นดูบ้าง เลิกใช้ตัวเดิม ผลที่เกิดขึ้นก็คือ อวสานโลกสวย เพราะสิวจำนวนมหาศาล(ที่ถูกกดซ่อนเอาไว้ใต้ผิวหน้าเพราะฤทธิ์ของสเตียรอยด์) ก็เริ่มปะทุผุดออกมาบนผิวหน้าอย่างรวดเร็ว
จากหน้าสวยใสก็กลายเป็นหน้าสิวเขรอะ ดูน่าเกลียดไปเลย ที่น่าช้ำใจกว่านั้นก็คือ รอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิวเหล่านี้จะดูทารุณมาก แทบจะเรียกได้ว่าเสียโฉมกันเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าอยากมีผิวหน้าสวยใส เรียบเนียน ไร้สิวแบบปลอดภัย ก็ต้องมี ‘วิธีรักษาสิว’ ที่ถูกต้อง โดยเริ่มแรกเลยจะต้องดูก่อนว่าผิวหน้าของเราแพ้ง่ายหรือไม่? ถ้าใช่…ก็ต้องเลือกใช้ครีมรักษาสิวที่ไม่มีสารเคมีที่กระตุ้นให้เราแพ้หรือระคายเคืองผสมอยู่
ยกตัวอย่างเช่น ผิวหน้าแพ้แอลกอฮอล์ แพ้สี แพ้น้ำหอม ก็ต้องเลือกครีมรักษาสิวที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่ใส่สีและไม่ผสมน้ำหอม เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้แล้ว
สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกอย่างก็คือ ผลิตภัณฑ์รักษาสิวนั้นมีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบอย่างได้มาตรฐานและปลอดภัยหรือไม่ (สิ่งที่ควรรู้ กลุ่มเครื่องสำอางที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยและถูกต้องตามกฏหมาย จะมีเลขจดแจ้งอย่างถูกต้อง ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าครีมหัวใสบางคน จะแอบเอาเลขจดแจ้งจากสินค้าตัวอื่น มาแอบอ้างในครีมของตนแทน)
ดังนั้นควรตรวจเช็คเลขจดแจ้งบนสินค้าให้แน่ชัดว่าถูกต้องหรือไม่ ใช่สินค้าตัวที่เราซื้อมาใช้หรือไม่ และสิ่งที่ต้องคำนึงในการซื้อครีมรักษาสิวที่สำคัญที่สุดอีกข้อหนึ่งก็คือ หลีกเลี่ยงการใช้ครีมผสมสารสเตียรอยด์อย่างเด็ดขาด
เราเชื่อว่าหลายคนไม่รู้และไม่ต้องการที่จะใช้ครีมที่ผสมสารอันตรายดังกล่าวซึ่งก็ต้องบอกว่าพลาดไปใช้เพราะความไม่รู้ จะมาเริ่มรู้อีกทีก็ตอนที่เลิกใช้ครีมดังกล่าวแล้วเกิดสิวอุดตัน เห่อขึ้นมาเต็มใบหน้า ผิวบางจนแพ้ง่ายไม่สามารถทาครีมตัวอื่นได้เลยเพราะทาแล้วแสบร้อนหน้ามาก
และด้วยสภาพใบหน้าที่หนักหนาเช่นนี้ ทำให้หลายคนไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นผิวหน้ากลายสภาพเป็นเหมือนผิวถนนขรุขระ สุดท้ายก็ต้องกลับไปใช้ครีมผสมสเตียรอยด์เช่นเดิม เพื่อกดให้สิวเหล่านั้นกลับเข้าไปอยู่ใต้ผิวหน้าอีกครั้งและก็รอวันปะทุขึ้นอีกในอนาคต เรียกว่าเป็นวงจรอุบาทว์ ที่ยากจะถอนตัวออกมาได้
เมื่อการหาครีมรักษาสิวดีๆสักอันมันยากยิ่ง จำเป็นจะต้องพินิจวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลอย่างดีเสียก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือกซื้อมาใช้นะคะ อย่างฐิสา(ตัวผู้เขียน)เองก็ใช้เวลาค่อนข้างนานในการค้นหา ‘วิธีรักษาสิว’ ด้วยครีมที่มีคุณภาพและปลอดภัย
ลองผิดลองถูกมาก็เยอะ จนในที่สุดก็มาเจอกับ เจลรักษาสิว ตัวนี้ ..“เจลว่านหางจระเข้ S Vera”
ทำไมฐิสาถึงกล้าการันตีว่า เจลว่านหางจระเข้ S Vera ตัวนี้ดี และเป็นเจลรักษาสิวที่ดีมากที่สุดตัวหนึ่ง ?
เพราะด้วยคุณสมบัติพิเศษตรงที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 100% รวมทั้งไม่ใส่สีผสมลงไปเลย ทำให้เจลว่านหางจระเข้ตัวนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อว่านหางจระเข้แบบเต็มเปี่ยม
คนที่มีผิวหน้าแพ้ง่ายสามารถใช้บำรุงผิวและรักษาสิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแพ้หรือระคายเคืองและที่สำคัญไม่มีการผสมสารอันตรายอย่างเช่นสารสเตียรอยด์หรือปรอท ดังนั้นเมื่อเลิกใช้แล้ว จะไม่มีอาการสิวกลับมาเห่อเต็มหน้าอย่างแน่นอน
สิ่งที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เจลรักษาสิวก็คือ เจลว่านหางจระเข้จะช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้า ด้วยเนื้อเจลที่ซึมซาบสู่ผิวอย่างรวดเร็วทำให้ลดการอุดตันของสิว ดังนั้นเมื่อใช้บำรุงผิวเป็นประจำ จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี
ช่วยลดการเกิดสิวแต่ไม่ได้ไปยุบหรือกดสิวเหล่านั้นให้ลงไปซ่อนอยู่ใต้ผิวหน้าเหมือนกับการออกฤทธิ์ของสารสเตียรอยด์ และยังช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว ทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนและชุ่มชื่นขึ้น รอยดำ รอยแดงจากสิวก็จางลงมาก
คนที่มองหา ‘วิธีรักษาสิว’ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก ไร้สารเคมีที่เป็นอันตราย ก็ขอแนะนำเจลว่านหางจระเข้ S Vera (ขนาด 75 มิลลิลิตร/หลอด)
สามารถใช้ทาบำรุงผิวหน้าทั้งเช้าและเย็นได้นานเป็นเดือน ราคาก็ไม่แพงเพียงแค่หลอดละ 180 บาทเท่านั้นเอง(สินค้าราคาถูกและดีแบบนี้ไม่ได้มีให้ได้ใช้กันบ่อยนะคะ…)
จากรูปคือผลจากการใช้เจลว่านหางจระเข้ S Vera อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 เดือน จะเห็นได้ว่าสิวอุดตันลดลงมาก(อาจจะยังมีอยู่บ้าง ประปราย แต่ไม่ขึ้นเห่อเหมือนแต่ก่อน)
และที่สำคัญคือ รอยสิว รอยดำรอยแดงจากสิวก็ลดลงมากจนแทบสังเกตไม่เห็นเลยเมื่อทาแป้งฝุ่นลงไป (ความพอใจสำหรับเจลว่านหางจระเข้ตัวนี้ ฐิสาให้คะแนน 9/10 เลยคะ หัก 1 คะแนนตรงที่มีไซส์เดียว คือขนาด 75 ml อยากให้ทำแบบหลอดใหญ่จั๊มโบ้อีกสักหนึ่งไซส์ จะได้เอาไว้ใช้ได้นานๆกว่านี้ หุหุ)
สำหรับเจลรักษาสิวตัวนี้ ฐิสาใช้เอง เห็นผลเอง และขายเองเลยจ้า สนใจก็ติดต่อเข้ามาได้ตลอดเลยนะคะ พร้อมบริการเสมอ ♥♥ (ถ้าลูกค้าได้มีโอกาสแก้ปัญหาสิวและได้ใช้ของดี มีคุณภาพ เราเองก็มีความสุขเช่นกันจ้ะ)
>> รีวิวเจลว่านหางจระเข้ S Vera <<
>> รายละเอียดเจลว่านหางจระเข้ S Vera <<