
ถ้าพูดถึง ‘กาแฟ’ เชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของใครหลายคน ด้วยกลิ่นหอมๆและรสชาติอร่อย ทำให้เมื่อทานแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
บางคนติดกาแฟถึงขนาดที่จะต้องทานทุกวัน หากวันใดไม่ได้ทานก็จะหงุดหงิด สมองตื้อ ทำงานแทบไม่ได้เลยทีเดียว
นอกเหนือจากความอร่อยและช่วยปลุกความสดชื่นแล้ว กาแฟยังมีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้คอกาแฟยังคงชื่นชอบและดื่มเป็นประจำ
ประโยชน์ของกาแฟ
- ช่วยปลุกความตื่นตัวให้กับร่างกายที่อ่อนล้า อ่อนเพลียให้ตื่นตัวได้ในทันที เพราะคาเฟอีนในกาแฟสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง จึงทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
- ช่วยลดความอ้วนได้ เพราะกาแฟช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาพลาญ กระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมจึงทำให้น้ำหนักลดลง จึงไม่แปลกเลยที่การทานกาแฟก็เป็นอีกหนึ่ง ‘วิธีลดหน้าท้อง’ แบบง่ายๆ
- ช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีสมาธิมากขึ้น เพราะกาแฟช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและสมรรถภาพของสมอง โดยกลิ่นหอมของกาแฟช่วยกระตุ้นสมองให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น
- ช่วยให้สดชื่นแจ่มใส เพราะคาเฟอีนในกาแฟช่วยคลายเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น
- ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใสขึ้น เพราะกาแฟทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งดีต่อผิวพรรณ
ทั้งนี้การดื่มกาแฟเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย ต้องรู้จักดื่มอย่างถูกวิธี นั่นคือ ควรดื่มเพียงวันละ 1-2 ถ้วย เพราะการดื่มกาแฟมากเกินไปในแต่ละวัน
ทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินปกติ ส่งผลให้เกิดอาการมือสั่น หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น ปวดศีรษะ และทำให้กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินไปจนทำให้ปวดท้องได้
ข้อควรระวัง :
- สตรีที่ตั้งครรภ์ควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างเช่น กาแฟ เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ได้
- เด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กได้
- ไม่ควรดื่มกาแฟในตอนเย็น เพราะจะทำให้นอนไม่หลับได้
- ผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ (ในช่วง 3 เดือนแรก) และอยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะทารกต้องการน้ำนมบริสุทธิ์จากแม่ การดื่มกาแฟเข้าไปจะทำให้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กได้
- คนที่เป็นโรคหัวใจ ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
กาแฟช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือไม่?
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการดื่มกาแฟช่วยในการลดความอ้วนได้ แต่ต้องเลือกเวลาดื่ม ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ การดื่มกาแฟหลังอาหารเที่ยงประมาณ 30-60 นาที โดยการทานกาแฟหลังอาหารจะช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและให้พลังงานทดแทน จึงทำให้ลดความอ้วนได้
ทั้งนี้กาแฟร้อนจะให้ผลดีต่อการลดน้ำหนักได้ดีกว่ากาแฟเย็น เพราะกาแฟร้อนจะช่วยกระตุ้นกรดในกระเพาะ มีผลช่วยย่อยอาหาร ทั้งยังป้องกันไขมันสะสมในร่างกายได้
ในขณะที่กาแฟเย็นมีการเพิ่มน้ำตาล นม ครีมเทียม ลงไปทำให้มีปริมาณแคลอรี่สูงเกินไป ทำให้สุขภาพของเราย่ำแย่ลงได้
- กาแฟร้อน 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ 107 kcal
- กาแฟเย็น 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ 250 kcal
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ก็ควรหันมาเลือกดื่มกาแฟร้อนแทนกาแฟเย็นกันนะคะ ซึ่งเราขอแนะนำ กาแฟลดความอ้วน ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยเข้มข้น “Nutrinal Coffee” ที่เมื่อดื่มเป็นประจำจะช่วยให้รูปร่างกระชับ หุ่นดีขึ้นและยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเด้งใสขึ้นอีกด้วย
โดย Nutrinal Coffee เป็นกาแฟผสมคอลลาเจนและใยอาหาร มีความพิเศษตรงที่ผสมคอลลาเจนเกรดพิเศษที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 160 องศาเซลเซียส
ดังนั้นแม้จะชงกับน้ำร้อน แต่เราก็ยังสามารถได้รับคอลลาเจนจากกาแฟ Nutrinal Coffee แบบเต็มๆ (ไม่สูญสลายไปกับความร้อน)
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างของกาแฟตัวนี้คือ คนแพ้คาเฟอีนสามารถทานได้โดยไม่เกิดอาการแพ้ เพราะมีคาเฟอีนในกาแฟน้อยมาก ทำให้ทานแล้วไม่ปวดหัวหรือใจสั่น
ทั้งนี้มีให้เลือกทาน 2 รสชาติ ได้แต่ รสอาราบิก้า (อร่อยเข้มข้น กลิ่นหอมสดชื่น)และรสฮาเซลนัท (หวานมัน รสละมุน)
ดังนั้นการดื่มกาแฟแบบถูกประเภทและถูกวิธี ถือว่าเป็น ‘วิธีลดหน้าท้อง’ และลดความอ้วน ที่สะดวกและง่ายมากสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบและงานที่รัดตัวจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่
บทความที่น่าสนใจ
- กาแฟลดความอ้วน Nutrinal Coffee
- รีวิวกาแฟลดน้ำหนักรสอาราบิก้า Nutrinal Coffee
- ทำไมต้องทาน “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ดีต่อร่างกายอย่างไร?