
ลดรอยแผลเป็น ให้ผิวเรียบเนียนใส
“เป็นแผล แผลเป็น” ถ้าแผลนั้นอยู่ในร่มผ้าคงไม่เป็นปัญหาเท่าไร แต่ถ้าอยู่ภายนอกและต้องคอยปกปิด เช่น ใบหน้า ไหล่ แขน อาจเป็นปัญหาสำหรับใครบางคน เพราะทำให้เกิดแผลใจได้
โดยเฉพาะแผลเป็นจากสิว ที่วัยรุ่นหลายๆคนคงได้เผชิญและแผลเป็นเหล่านี้ได้สร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก จากผิวหน้าที่เคยเรียบเนียนใส พอเป็นสิว ก็เกิดการแคะ แกะ บีบเกา จนสุดท้ายก็ทิ้งรอยสิวไว้
ผิวหน้าก็เลยเต็มไปด้วยรอยดำรอยแดงจากสิว ที่ร้ายที่สุดคือ รอยสิว ที่ใครมือหนักหน่อยก็จะทิ้งรอยแผลเป็นแบบชัดเจน ผิวหน้าเป็นหลุมบ้าง แผลเป็นนูนบ้าง ขรุขระจนหมดความมั่นในกันเลยทีเดียว
โดยเฉพาะแผลเป็นนูน ถ้ายิ่งเนื้อนูนปูดขึ้นมาจากผิวเป็นก้อนไม่น่ามองแล้วแล้วละก็อาจทำให้เสียความมั่นใจไปเยอะเลย เคสตัวอย่างพี่น้องสองสาวคู่หนึ่ง ทั้งคู่ไปเจาะหูมาหลังจากนั้นเกิดแผลเป็นนูนขึ้นเป็นก้อนห้อยอยู่ที่ติ่งหูด้านซ้าย
และดันเป็นข้างเดียวกันทั้งสองคนโดยมิได้นัดหมายสร้างความรำคาญใจแก่สองสาวเป็นอย่างมาก นอกจากไม่ได้ใส่ต่างหูแล้วยังต้องคอยให้ผมมาปิดบังไว้ตลอดเวลาจนเสียความมั่นใจอย่างแรง
สาวผู้พี่ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจไปผ่าตัดเอาก้อนแผลเป็นออกปรากฏว่าหลังผ่าตัด แผลเป็นยิ่งขยายขนาดใหญ่กว่าเดิม จึงยิ่งสร้างความกลัดกลุ้มใจมากไปอีก
ส่วนน้องสาวทีแรกก็มีโครงการอยากจะไปเอาออกเหมือนกัน แต่พอเห็นตัวอย่างพี่สาวเลยต้องพับโครงการไป ต้องทนกลุ้มใจกับก้อนแผลเป็นนี้ต่อไป
เคสที่ว่านี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายมีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ แผลจากสิว แผลจากโรคอีสุกอีใส หรือแผลจากการเจาะหู
ปกติร่างกายจะมีกลไกซ่อมแซมบาดแผลเหล่านี้โดยสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ดังนั้น หลังแผลหาย ผิวจึงกลับมาเนียนเรียบ แต่บางคนโชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่ เลยเกิดเป็นแผลเป็นนูนขึ้นมาได้
ชนิดของแผลเป็นนูน
แผลเป็นนูนแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆดังนี้
1. แผลเป็นนูนหนา (Hypertrophic Scar) คือ แผลเป็นที่มีสีแดงและนูนขึ้นจากผิวหนังปกติ เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป แต่ไม่ขยายขนาดกว้างเกินจากรอยโรคเดิม แผลเป็นจะค่อยๆดีขึ้นตามระยะเวลา ซึ่งอาจนานเป็นปี
2. คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นที่มีอาการนูนและแดง ไม่เรียบขยายขนาดกว้างขึ้นกินเนื้อเยื่อรอบๆรอยแผล และมีแนวโน้มเป็นมากขึ้นด้วย บริเวณที่เกิดได้บ่อยเช่น หน้าอก หลัง ไหล่ ติ่งหู บริเวณกรามของใบหน้า
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย
- วัย : วัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์มีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนบ่อยกว่าคนวัยอื่น
- สีผิว : คนผิวคล้ำมีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนได้บ่อยและรุนแรงกว่าคนผิวขาว คนที่มีประวัติเคยเกิดแผลเป็นนูนหรือคนในครอบครัวเคยเป็น จะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนที่ไม่เคยมีประวัติ
- ลักษณะแผล ความรุนแรง และการดูแลรักษา : ถ้าดูแลรักษาดีจนแผลหายเร็ว แผลเป็นนูนจะลดน้อยลง ตรงกันข้ามถ้าดูแลรักษาไม่ดีปล่อยให้สกปรก แผลเป็นนูนอาจหายช้า
รายที่เป็นเคสตัวอย่างนี้ เป็นประเภทมีแผลเป็นนูนแบบคีลอยด์ เมื่อดูปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นง่ายนั้น เริ่มจากทั้งคู่จัดเป็นคนผิวค่อนข้างคล้ำอายุประมาณสามสิบกว่า
เคยมีแผลเป็นนูนที่ไหล่และหน้าอกมาก่อน แถมยังเป็นพี่น้องที่มีแผลเป็นนูนง่ายเหมือนกันอีก ดูโดยรวมจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะเป็นมาก ทีนี้เรามาดูวิธีป้องกันและรักษากัน
วิธีป้องกันแผลเป็นนูน
การป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะถ้ายิ่งมีประวัติเคยเป็นหรือมีปัจจัยเสี่ยง ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะการเกิดแผลเล็กๆน้อยๆก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นนูนได้ แต่หากเป็นแผลแล้ว อยากจะ ลดรอยแผลเป็น ควรปฏิบัติดังนี้
1. รักษาสภาพแวดล้อมและความสะอาดของแผลให้ดี อยู่ในที่อุณหภูมิอบอุ่น มีความชื้น ความเป็นกรดและด่าง และออกซิเจนเพียงพอ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
2. ถ้ามีแผลเป็นนูนบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อยๆ ควรใช้ผ้ายืดกดรัดแผลไว้เพื่อกันไม่ให้แผลนูนขึ้น
3. ลดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้แผลหายช้าได้แก่ การขาดสารอาหารประเภทวิตามินซี และสังกะสี การสูบบุหรี่ ที่สำคัญถ้าปากแผลแนบสนิทกันดีจะช่วยลดการเกิดแผลเป็นนูน
วิธีรักษาแผลเป็นนูน
► การใช้เจลซิลิโคนแบบแผ่นหรือหลอด
แปะแผ่นเจลซิลิโคนหรือทาเจลซิลิโคนแบบหลอดบริเวณแผล เพื่อลดการเกิดแผลเป็นนูน หรือใช้รักษาในกรณีที่เป็นแล้วก็ได้ แต่ไม่ควรใช้ขณะแผลเปิด ให้เริ่มใช้ทันทีที่แผลปิดสนิทหรือหลังตัดไหมเย็บแผล ซึ่งอาจต้องใช้อย่างต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์หรืออาจเป็นเดือนๆ
► การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid)
การใช้ยาชนิดนี้ฉีดแผลเป็นนูนจะช่วยให้แผลนุ่มและเนียนเรียบลงได้ โดยทั่วไปจะฉีดเดือนละครั้งจนกว่าจะเห็นผล แต่อาจทำให้แผลยุบเป็นรอยและสีผิวเปลี่ยนในบางราย ส่วนการใช้ยาสเตียรอยด์ทาบริเวณแผลเป็นนูนจะช่วยบรรเทาอาการ คัน ตึง และปวด ช่วยป้องกันไม่ให้แผลเป็นนูนลุกลาม
► การผ่าตัด
วิธีนี้จะช่วยตกแต่งแผลเป็นนูนได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเพราะทุกครั้งที่ผ่าตัดจะเกิดแผลเป็นใหม่แทนที่แผลเป็นเก่า ซึ่งบางครั้งอาจมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ส่งผลให้เกิดปัญหาเหมือนเคสตัวอย่างที่ว่า
บางครั้งศัลยแพทย์อาจพิจารณาใช้การผ่าตัดร่วมกับอีกหลายวิธี เช่น การฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ การใช้ผ้ายืดหดรัดแผล การฉายรังสี ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนดีที่สุด
► เลเซอร์
มีการใช้พัลส์ดายเลเซอร์(Pulsed Dye Laser) หรือ ไอพีแอล (IPL : Intense Pulsed Light) เพื่อลดไม่ให้เส้นเลือดบริเวณแผลเป็นนูนสร้างตัวขึ้นมาใหม่มากเกินไป จึงช่วยลดความแดงและทำให้แผลเป็นนูนเรียบขึ้น แต่อาจต้องทำหลายครั้งและมีค่าใช้จ่ายสูง
► การใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
พืชสมุนไพรบางชนิด เช่น ใบบัวบก หอมเล็ก ต้นปอสา ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณทำให้แผลเป็นนุ่มขึ้น ลดขนาดและความแดง นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพบว่า วิตามินอีช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น แต่อาจเกิดผื่นแพ้สัมผัสได้
► วิธีอื่นๆ
การรักษาด้วยความเย็น (Cryotherapy) การฉายรังสี (Radiation) การใช้ยาอินเตอร์ฟีรอน (Interferon)
ในการรักษาแผลเป็นนูนด้วยวิธีต่างๆแล้วอาการดีขึ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้ผล 100% กับทุกคน ควรใช้หลายวิธีร่วมกัน ทั้งทายา ฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ แผลเป็นนูนจึงลดลง
ถ้าสังเกตุจะเห็นว่ายังเหลือรอยแผลเป็นอยู่ ถึงกระนั้นก็ดีขึ้นมากจนไม่ต้องทรมานใจเหมือนเดิม ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้เกิดแผลไว้ก่อนจะดีกว่า
และสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับรอยแผลเป็นจากสิว เราขอแนะนำ เจลว่างหางจระเข้ S Vera With Q10 ที่ช่วยลดรอยแผลเป็น รอยดำรอยแดงจากสิวได้อย่างอ่อนโยนและปลอดภัย
เพราะอัดแน่นไปด้วยเนื้อว่านหางจระเข้สายพันธุ์บาบาเดนซิส (barbadensis Mill) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการบำรุงและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและชุ่มชื้น ไม่มีแอลกอฮอล์และไม่ใส่สี ทำให้เหมาะสำหรับผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย
ต่อไปนี้ปัญหารอยแผลเป็นจากสิวจะไม่ใช่ปัญหาหนักอกของใครหลายคนอีกต่อไป เพียงแค่ทาหลังล้างหน้าเช้าและเย็น ผิวหน้าก็จะกลับมาเรียบเนียนใสอย่างที่เคย
บทความที่น่าสนใจ
- เจลว่านหางจระเข้ S Vera ลดรอยสิว รอยดำรอยแดง
- ‘หน้าเป็นฝ้า’ แก้ได้ด้วยสมุนไพรว่านหางจระเข้
- วิธีลดรอยสิว แบบปลอดภัยและให้ผลดีที่สุด