FAQ, หน้าเหี่ยว แผลเป็น ก็เด้งได้

หน้าแก่ สิวเขรอะ ก็สวยเด้งได้

%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%88-%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%87

หน้าแก่ หน้าเหี่ยว ก็สวยเด้งได้

คนส่วนใหญ่มีความรักสวยรักงามกันแทบทุกคนไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะผู้หญิงจะเป็นมาก..

ผู้หญิงคนไหนที่ไม่รู้จักแต่งหน้าประแป้งแต่งตัวก็ดูเป็นเรื่องแปลก ความสวยงามหรือหน้าเด้งของเรานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

เช่น สุขภาพทั่วไปทั้งกายและใจ พันธุกรรม รอยแผลเป็นจากการบาดเจ็บที่หน้าเช่น สิวอักเสบ การรักษาสิว ตากแดดมาก สูบบุหรี่มาก จึงมีวิบากกรรมที่ทำให้ หน้าแก่ หน้าเหี่ยวเร็วก่อนวัยอันควร

กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของหนังใบหน้ามีจำนวนลดลง ขาดความเต่งตึง ความแก่ชราจะลดมวลกล้ามเนื้อและไขมันในหน้าจึงทำให้ลดความอวบอิ่มของใบหน้าลงมา แถมยังทำให้เซลล์สีลดลง ความนวลใย นุ่มละมุนหายไป..

       ความไม่สวยอย่างหนึ่งของผิวหน้าคือ การมีร่องลึก หรือบุ๋มของผิวหน้า การรักษาหรือกำจัดร่องรอยบุ๋ม แผลเป็นนี้ สามารถทำได้ด้วยการฉีดสารเสริมเติมเต็มที่เรียกว่า ฟิลเลอร์(Filler) สารที่นำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ได้มีหลายอย่างคือ

1. คอลลาเจน (Collagen)

สารตัวนี้เป็นสารธรรมชาติที่พบในผิวหนัง กระดูก เนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ คอลลาเจนที่นำมาใช้ฉีดกำจัดร่องที่หน้าเขาเอามาจากวัว จากงานวิจัยไม่พบว่าการใช้สารนี้จากวัวจะติดโรควัวบ้า

แต่คนไข้อาจจะเกิดอาการแพ้สารคอลลาเจนนี้ได้ ก่อนใช้จึงต้องทดสอบผิวหนังดูก่อนว่าแพ้หรือเปล่า? การฉีดคอลลาเจนกำจัดร่องหน้า ส่วนมากได้ผลอยู่นานประมาณ 2-6 เดือน

2. ปลูกถ่ายเซลล์ไขมัน 

วิธีนี้ใช้ฉีดเสริมรอยบุ๋มหรือกำจัดร่องที่หน้าหรือฉีดเสริมขอบริมฝีปากทำให้ริมฝีปากอวบอูมเต็มอิ่ม วิธีนี้แพทย์จะทำการเจาะรูดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกายที่มีไขมันเหลือใช้ แล้วเอาเนื้อเยื่อไขมันมาล้างกรอง แล้วทำการฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ

ส่วนมากเวลาฉีดมักจะฉีดให้เกินๆไปก่อน เพราะเซลล์ไขมันบางส่วนจะปลูกไม่ติด เสร็จแล้วส่วนที่ปลูกติดจะเหลือพอดีกับปริมาตรที่ต้องการ ผลดีจากการฉีดนี้อาจจะอยู่นานหลายเดือน หรือบางรายก็อยู่นานตลอดไปเลย วิธีนี้ดีตรงที่สารที่เอามาฉีดเป็นเนื้อเยื่อของตัวเองจึงไม่มีปฏิกริยาแทรกซ้อน

3. Hyaluronic acid (ไฮยาลูโรนิค แอซิด)

สารตัวนี้เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในผิวหนัง เมื่อไม่นานมานี้ อย.สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้สารตัวนี้ในรูปเจลแบบฉีดเป็นฟิลเลอร์ได้ เวลาใช้สารตัวนี้ก็ไม่ต้องทำการทดสอบที่ผิวหนัง การฉีดสารไฮยาลูโรนิคกำจัดร่องตัวนี้สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือนหรือมากกว่า

4. Calcium hydroxylapatite

สารตัวนี้เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นานหลายปีหรือนานตลอดไปเลย

5. โบท็อก (Botox)

เป็นสารพิษจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ฤทธิ์ของมันจะทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต โดยปกติความเหี่ยวย่นของใบหน้าในบางจุดเช่น รอยตีนกาตรงหางตาจะเกิดจากกล้ามเนื้อรอบๆตามันหดตัวลงทำให้เกิดริ้วรอย

เมื่อฉีดโบท็อกจำนวนน้อยๆเข้าไปในกล้ามเนื้อนั้น จะทำให้มันเป็นอัมพาตไปบางส่วน จึงเป็นผลให้ริ้วรอยตีนกาหายไป ผลการฉีดโบท๊อกนี้อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ในอเมริการนิยมการฉีดโบท๊อกกันมาก บ้านเราก็มีความนิยมกันมากขึ้นระดับนึง เพราะราคาค่อนข้างแพงอยู่

6. รักษาด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency)

เป็นวิธีที่ช่วยเสริมการรักษาร่วมกับการรักษาแบบอื่นๆ เช่น รักษาด้วยเลเซอร์ หรือโบท็อก วิธีนี้สามารถช่วยรักษาริ้วรอยต่างๆ เรื่องผิวหนังหย่อนไม่กระชับ รวมทั้งริ้วรอยรอบดวงตาได้

โดยใช้หลักการทำงานด้วยความร้อนปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆในรูปของคลื่นความถี่วิทยุจะไปช่วยเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นหนังแท้ซึ่งมีคอลลาเจนอยู่ ทำให้เกิดการกระชับตัวและกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ทำให้ปัญหาริ้วรอยลดลงได้

หน้าแก่ รอยตีนกา วิธีดูแลผิว

นอกจากใช้สารฟิลเลอร์แล้ว ก็ยังมีวิธีการทำหน้าเด้งโดยการขัดผิวหน้าด้วยวิธีการต่างๆ

  • ใช้สารเคมีลอกหน้า จะใช้กรดอย่างอ่อนทาหน้าครั้งเดียวหรือทาอาทิตย์ละครั้ง สัก 6-7 ครั้ง สารลอกหน้านี้ถ้าเป็นชนิดอ่อนๆส่วนมากแล้วจะลอกหนังส่วนบนออกไป ทำให้หนังที่เหลือมีความแวววาว

แต่ไม่ลดริ้วรอย หลังจากทำแล้วอาจจะหน้าแดงไปหลายวัน ส่วนสารชนิดที่แรงๆก็จะมีผลที่ลึกลงไปอีก สามารถทำให้ริ้วรอยหายไปแต่ผิวจะบางลงจนต้องใช้เวลาหายหลายวัน

  • การทำหน้าเด้งโดยการถู หรือ Dermabrasion วิธีนี้จะใช้เครื่องหมุนถูผิวให้บางลง โดยมากจะใช้วิธีนี้ใช้ถูเพื่อลดความนูนของแผลเป็นที่หน้าที่เกิดจากสิวหรือแผลผ่าตัด
  • การแต่งผิวด้วยแสงเลเซอร์ แสงเลเซอร์บางอย่างสามารถทำให้ผิวหนังส่วนบนไหม้กลายเป็นไอ แสงที่มีพลังมากก็จะทำให้มีการไหม้มากขึ้น เมื่อแผลไหม้หายจะทำให้เกิดการดึงรั้งให้ริ้วรอยหายไปได้

การหายของรอยไหม้นี้จะใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ ผิวหนังที่ไหม้เลเซอร์บริเวณนี้อาจจะมีสีแดงหรือชมพูอ่อนนานถึง 6 เดือน ผลจากการยิงเลเซอร์นี้อาจอยู่ได้นานหลายปีเลย แต่บางครั้งอาจเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ขึ้นได้เช่น เป็นแผลเป็นหรือสีของหน้าเปลี่ยนไปในทางลบ

  • การผ่าตัดดึงหน้า เป็นวิธีที่ทำกันมานานแล้วทุกวันนี้ก็ยังมีการทำกันอยู่ เป็นการผ่าตัดเอาหนังที่เหลือใช้และหย่อนยานออกไป เมื่อแพทย์เย็บหนังที่เหลือเข้าหากันแล้ว มันก็จะตึงขึ้นมาได้

การทำหน้าเด้งวิธีอาจมีผลได้นาน 5-10 ปีทีเดียว หลังจากการผ่าตัดชนิดนี้แล้วจะต้องมีระยะพักฟื้นนานพอสมควร ผู้หญิงที่ผ่าตัดดึงหน้าจะมีหน้าเขียวช้ำเลือดหรือบวมอยู่ 2-3 อาทิตย์ ฉะนั้นใครที่อยากดึงหน้าก็ต้องเตรียมเงินและเตรียมใจในเรื่องนี้ไว้ด้วยนะค่ะ

       การทำหน้าเด้งมีหลายวิธีอย่างที่ว่ามา แต่วิธีการต่างๆที่กล่าวมา ควรจะให้ผู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นทำดีที่สุด.. แต่แพทย์ที่ชำนาญมีประสบการณ์มากๆมักจะมีค่าฝีมือแพงทีเดียวค่ะ

      แต่ถ้าอยากหน้าเด้ง เต่งตึงแบบประหยัด ปลอดภัย ไม่เจ็บตัวด้วยนวตกรรมใหม่ครีมมาร์คหน้าสารสกัดจากพิษผึ้งกับคอลลาเจนบู้ทสเตอร์นี่เลยค่ะ คู่เดียวตอบโจทย์ครบ…

>> มหัศจรรย์แห่งพิษผึ้ง เต่งตึงได้ไม่ต้องฉีดโบท็อก <<
>> ผิวตึงกระชับด้วยเซรั่ม Lift-up <<
>> ครีมคอลลาเจน ที่สุดของการฟื้นฟูผิว <<

error: do not copy content!!