FAQ, โรค NCDS

โรคยอดฮิตของมนุษย์ทำงาน “NCDs”

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%87-ncds-2

โรค NCDs ภัยร้ายมนุษย์ทำงาน

กลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม นำมาซึ่งผลลัพธ์อันเลวร้ายต่อสุขภาพและวิถีชีวิต

โดยส่งผลกระทบให้ต้องเสียเงินมากมายในการรักษาและเยียวยาอาการของโรค แม้ว่าโรคนั้นๆจะไม่สามารถติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ก็ตาม

เราเรียกว่ากลุ่มโรคดังกล่าวว่า กลุ่มโรค ‘NCDs’ (Non-Communicable Diseases) หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

  1. โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
  2. เบาหวาน
  3. มะเร็ง
  4. โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง

โดยกลุ่มโรคเหล่านี้ มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเรา ซึ่งโรค NCDs นี้ เป็นสาเหตุการตายของประชากรโลก ปีละประมาณ 38 ล้านคนเลยทีเดียว

โดยมักเกิดขึ้นในประเทศที่ผู้คนมีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง และมีสาเหตุการตายจากโรคหัวใจสูงสุด รองลงมาก็คือ โรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคเบาหวาน

เราเข้าข่ายเป็น มนุษย์ NCDs หรือไม่? 

สามารถตรวจเช็คได้จากรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ว่ามีลักษณะดังต่อไปนี้หรือไม่

  • ดื่มสุรา
  • สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่
  • กินอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด
  • ไม่ค่อยออกกำลังกาย
  • เครียดบ่อย
  • มีญาติใกล้ชิดป่วยเป็นโรค NCDs

หากลองเช็คดูแล้วพบว่ามี 1-2 ข้อในนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs ได้แล้ว ซึ่งโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มักเกิดขึ้นกับกลุ่มมนุษย์ทำงาน ที่แม้จะไม่ได้ทำงานหนักเท่าไรนัก

แต่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ต้องตื่นเช้า เลิกงานดึก อดมื้อเช้า ทานมื้อดึก และมักจะเครียดตลอดเวลา พอมีเวลาว่างจากงาน ก็กินกับนอน ไม่ค่อยออกกำลังกาย สุดท้ายพอเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็กลายเป็น มนุษย์ NCDs 

ปัจจัยที่ทำให้เป็นกลุ่มโรค NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

และที่น่าสนใจคือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังยังคงเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ถุงลมโป่งพอง และโรคอ้วนลงพุง

ซึ่งในแต่ละปี มีคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นจำนวนมาก ตามสถิติปี 2556 จำนวน 54,530 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 150 ราย และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

1) ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด โรคหลอดเลือดสมอง

  • เป็นความดันโลหิตสูง
  • เป็นเบาหวาน
  • ไขมันในเลือดสูง
  • โรคหัวใจ
  • สูบบุหรี่
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้

2) ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด โรคหลอดเลือดหัวใจ

  • เป็นความดันโลหิตสูง
  • เป็นเบาหวาน
  • ไขมันในเลือดสูง
  • อ้วนลงพุง
  • สูบบุหรี่
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • เครียดบ่อย
  • มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้

อาการเตือนที่สำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจ คือ จะมีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก คล้ายมีอะไรมาบีบรัดหรือกดทับหน้าอกไว้ อาการเจ็บมักร้าวไปที่คอ ขากรรไกรหรือไหล่ซ้าย มักจะมีอาการมากในขณะออกแรง อาจมีการหายใจเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ เวียนศีรษะ หน้ามืด และหมดสติร่วมด้วย

โรคหัวใจและหลอดเลือด มีแนวโน้มที่คนไทยเสียชีวิตมากขึ้นทุกปี

วิธีทำให้หัวใจมีสุขภาพดี

  • เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ ได้แก่ ลดการทานอาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนประกอบของเกลือ น้ำตาลและไขมันในปริมาณสูง ลดการทานขนมหวาน หันมาทานผักสดและผลไม้สด
  • ห้ามสูบบุหรี่
  • ออกกำลังกาย ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเฉื่อยชา เช่น การดูทีวี เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์
  • เลือกใช้สังคมออนไลน์อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม โดยไม่ควรจะหมกหมุ่นเกินไป
  • หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี

ส่วนโรคมะเร็ง ยังคงเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยต่อเนื่องกันมาถึง 13 ปีซ้อน และ 5 อันดับของสาเหตุการตายด้วยโรคมะเร็งในประเทศไทย ได้แก่

  1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  2. มะเร็งปอด
  3. มะเร็งเต้านม
  4. มะเร็งทวารหนักและลำไส้ใหญ่
  5. มะเร็งปากมดลูก

ซึ่งหากไม่อยากเป็นมะเร็ง ก็ควรเลี่ยงสาเหตุหรือพฤติกรรมทางสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ที่เป็นการกระตุ้นการสร้างเซลล์มะเร็ง

หรือ การทานอาหารที่มีการปนเปื้อน เช่น ถั่วลิสงป่น ที่มีสารอัลฟาท็อกซิน พริก หอม กระเทียม ที่มีเชื้อรา หรืออาหารปิ้งย่าง ที่มีสาร PAH เป็นต้น

ส่วนโรคเบาหวานก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่คนไทยเป็นกันมาก เพราะคนไทยในยุคปัจจุบัน ขาดความหวานไม่ได้ หรือเรียกว่ามีอาการติดหวาน ซึ่งผลสำรวจพบว่า

คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 20 ช้อนชาต่อคน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเกินค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำถึง 3 เท่าตัว และเครื่องดื่มที่มีอยู่รายล้อมเราในทุกวันนี้ ก็มีปริมาณของน้ำตาลมากจนคาดไม่ถึง เช่น

  • น้ำผลไม้กล่อง ขนาด 20 มล. มีน้ำตาล 6.25 ช้อนชา
  • กาแฟสด 1 แก้ว ขนาด 475 มล. มีน้ำตาล 10.5 ช้อนชา
  • น้ำอัดลม 450 มล. มีน้ำตาล 10.75 ช้อนชา

ดังนั้นวิธีที่เลี่ยงน้ำตาลที่ดีที่สุดคือ ควรดื่มแต่น้ำเปล่า เพื่อหลีกเลี่ยงการรับปริมาณน้ำตาลที่มากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันคนไทยมีสถิติอ้วนขึ้นและมีน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นอันดับ5 ของเอเซีย-แปซิฟิกแล้ว

วิธีป้องกันโรค NCDs

โรค NCDs ถือเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมของเราเอง ดังนั้นจึงสามารถป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตเสียใหม่ เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ หลีกเลี่ยงสารพิษต่างๆที่อยู่รอบตัว

งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัดหรือเค็มจัด หลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง ไม่รับประทานอาหารหรือเนื้อสัตว์แบบสุกๆดิบๆ  รับประทานผักและผลไม้ที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสรและพักผ่อนให้เพียงพอ

>> รายละเอียด : น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus <<
>> รายละเอียด : เครื่องดื่มเอนไซม์ S.O.D <<

เครื่องดื่มน้ำเอนไซม์ S.O.D ต้านอนุมูลอิสระ ต้านความแก่

เครื่องดื่มสุขภาพ น้ำว่านหางจระเข้คุณภาพ S Vera Plus

กดเพื่อแอดไลน์ line id : s7514

error: do not copy content!!