FAQ, อยากผอมจนขาดธาตุเหล็ก

ขาดธาตุเหล็ก เพราะอยากผอมมากเกินไป

%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-lack-off-ferrous

ร่างกาย ‘ขาดธาตุเหล็ก’ เพราะเร่งผอมเกินไป

ถ้าคุณห่วงเรื่องรูปร่างตัวเอง อยากผอม และเลือกที่จะออกกำลังกายหนักๆ แทนการจำกัดปริมาณอาหาร จนร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่าย ปวดหัว 

และไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียนหรือทำงาน ผิวพรรณเริ่มดูไม่สดใส แถมยังมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายด้วย ทั้งๆที่รักษาสุขภาพและออกกำลังกายอยู่เสมอ

ออกกำลังกายหนักจนปวดหัว เพราะร่างกายขาดธาตุเหล็ก

 “อย่าเพิ่งข้าใจผิดนะว่าออกกำลังกายไม่ดี” ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่เป็นเพราะอาหารและสภาพร่างกายที่ไม่สมดุลต่างหากที่เป็นสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ

เช่น ขาดการพักผ่อน ภาวะความเครียด และขาดสารอาหารโดยเฉพาะธาตุเหล็กซึ่งเป็นสารอาหารอย่างนึงที่สำคัญต่อการทำงานของอวัยวะในร่างกายทีเดียว

ภาวะที่ร่างกาย ขาดธาตุเหล็ก หรือที่เรียกว่าภาวะแอนนีเมีย(โลหิตจาง)  เป็นภาวะที่เม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินมีจำนวนน้อยกว่าปกติ 

เจ้าฮีโมโกลบินนี้เป็นตัวนำพาออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆของร่างกายและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ ขาดธาตุเหล็ก เช่น การเสียเลือด ภูมิต้านทานผิดปกติ ม้ามถูกทำลาย หลอดเลือดผิดปกติ ถึงกระนั้นสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีแล้วก็อาจเป็นโลหิตจางแบบไม่รู้ตัวได้จากหลายสาเหตุ

เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก หรือนักกีฬาที่ซ้อมหนักทุกวัน การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก กระชับรูปร่าง หรืออยู่ในช่วงมีประจำเดือน การบริจาคเลือดบ่อยๆเกินไป การกินมังสวิรัติ

ออกกำลังกายหนักเพราะอยากผอมลงเร็วๆ

หรือหญิงช่วงตั้งครรภ์ซึ่งต้องการธาตุเหล็กมากกว่าปกติถึง 2 เท่า คนเหล่านี้ล้วนมีโอกาสขาดธาตุเหล็กเป็นโลหิตจางได้ทั้งสิ้น

ปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการ

  • วัยรุ่นอายุ 12-18 ปี ต้องการธาตุเหล็กวันละ 10-13 มก.
  • หญิงอายุ 19-54 ปี ต้องการธาตุเหล็ก 12-16 มก.
  • หญิงอายุ 54 ปีขึ้นไป ต้องการธาตุเหล็ก 5-7 มก.

ฉะนั้นถ้าปล่อยให้ร่างการขาดธาตุเหล็กอยู่แบบนี้ ก็จะมีอาการเหนื่อย ติดเชื้อง่าย ถ้าอายุมากก็จะมีอาการเจ็บหน้าอก หรือหัวใจ เนื่องจากหัวใจต้องทำงานหนักเพื่อพยายามส่งออกซิเจนไปสู่อวัยวะส่วนต่างๆ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าขาดธาตุเหล็กหรือเปล่า?

คงพิสูจน์ได้วิธีเดียวนั้นคือ การเจาะเลือดตรวจเท่านั้นไม่สามารถเดาด้วยตนเองได้ กรณีที่ขาดธาตุเหล็กโดยมีสาเหตุจากโรคใดโรคหนึ่งก็ต้องทำการรักษาต่อไป

เจาะเลือดเพื่อตรวจว่าร่างกายขาดธาตุเหล็กหรือไม่

แต่บางคนไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ แค่เหนื่อยง่ายและใช้เวลาพักนานหนื่อยหลังออกกำลังกาย เมื่อพบแพทย์ปรากฏว่าปริมาณธาตุเหล็กต่ำ แต่ก็ไม่ถึงกับเกิดอันตรายแก่ร่างกาย จึงไม่ต้องรับกินธาตุเหล็กเพิ่ม

ในทางกลับกันหากซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมธาตุเหล็กมากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กมากไป ก็อาจเกิดผลเสียได้เช่น ปวดท้อง ปวดข้อ เหนื่อยง่ายเป็นประจำ

ดังนั้นใครที่สงสัยว่าเข้าข่ายอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุดีที่สุด ถ้าพบว่ามีธาตุเหล็กต่ำควรเลือกกินอาหารที่เสริมธาตุเหล็กให้มากขึ้น โดยธาตุเหล็กจะอยู่ในอาหารทั่วๆไปทั้งเนื้อสัตว์และผักผลไม้

  • ธาตุเหล็กที่เรียกว่า heme iron พบในเนื้อสัตว์ซึ่งร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้ได้ดี เช่นหอยนางรม ปลาซาร์ดีน ทูน่า  เครื่องในสัตว์เช่น ตับ ม้าม หรือเนื้อแดง เสต็กวัว เนื้อสัตว์ปีก อกไก่
  • ส่วนธาตุเหล็กที่เรียกว่า non-heme iron พบได้ในผักและไข่เช่น ผักโขม เต้าหู้ ถั่วต่างๆ ไข่ไก่ ซึ่งร่างกายจะดูดซึมได้ไม่ดีนัก จึงต้องกินวิตามินซีคู่กันด้วยเพื่อช่วยให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

การกินอาหารแบบได้ธาตุเหล็กที่สมดุล จะต้องเลือกกินอาหารหลากหลาย ทั้งเนื้อ ผักผลไม้ อาหารที่มีวิตามินซีสูง โดยอาจกินอาหารมื้อละน้อยๆ แต่แบ่งเป็นหลายๆมื้อประมาณอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

เลือกเมนูอาหารที่มีทั้งเนื้อและผักเช่นบะหมี่ผัดผักใส่เนื้อ พาสต้ากับซอสเนื้อ หรือกินอาหารประเภทไข่และผักคู่กับอาหารที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ออมเลตคู่กับมะเขือเทศสด ลาซันญ่าคู่กับบล็อกโคลี น้ำส้มสดกับผลไม้แห้งหรือถั่ว…

สรุปง่ายๆว่า “หากอยากผอมแบบปลอดภัย พยายามออกกำลังกายแบบพอดี คืออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง” หรือถ้าต้องการลดเร็วๆ ให้ออกกำลังกายไม่เกินวันละ 1 ชม. และไม่เกิน 6 วันต่อสัปดาห์

ออกกำลังกายแต่พอดี เพื่อลดน้ำหนักแบบปลอดภัย

พร้อมกับกินอาหารตามความต้องการของร่างกาย เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงเช่น ของทอด ผัดน้ำมันมากๆ น้ำตาลวันละน้อยๆ แต่ห้ามอดอาหารเพราะจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมมากกว่าจะสวย สดใส ยิ่งสาวๆวัยรุ่นอาจขาดสมาธิในการเรียนไปเลย

ส่วนนักกีฬาที่ต้องการพลังงานมากๆอาจต้องศึกษาโภชนาการให้ดี ไม่อย่างนั้นร่างกายอาจได้รับพลังงานไม่เพียงพอ เปิดโอกาสให้โรคภัยถามหาได้ ถ้าอยู่ในช่วงทีมีประจำเดือนก็ต้องกินอาหารที่มีธาตุเหล็กมากขึ้นเพื่อชดเชยเลือดที่เสียไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การใช้ชีวิตทุกอย่างต้องยึดหลักทางสายกลาง ตั้งอยู่ในความพอดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไป

บทความที่น่าสนใจ

error: do not copy content!!