
20 สัญญาณเตือนว่า ‘ขาดเอนไซม์’
เบื้องหลังสิ่งเร้นลับที่ดูแลสุขภาพของเราอยู่คือ มิราเคิลเอนไซม์ที่อยู่ภายในร่างกาย ถ้ามิราเคิลเอนไซม์เพียงพอก็จะไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ได้รับเชื้อก่อโรคก็ไม่แสดงอาการของโรค
หรือแม้แต่จะเกิดโรคก็จะไม่หนักและหายได้ง่าย คนที่ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเดียวกัน มีนิสัยการกินคล้ายคลึงกัน บางคนอาจป่วยบางคนอาจแข็งแรง ความแตกต่างนี้เกิดจากปริมาณของมิราเคิลเอนไซม์แต่ละคน
ในการดำรงชีวิตของคนเราต้องอาศัยเอนไซม์มากกว่า 5,000 ชนิดช่วยเหลือ การศึกษาเรื่องหน่วยพันธุกรรมพบว่าเอนไซม์นั้นอาจมีมากถึง 30000 ชนิดด้วยซ้ำ ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆของร่างกายก็เกี่ยวข้องกับเอนไซม์นี่แหล่ะ
การดำรงชีวิตของมนุษย์จึงขาดเอนไซม์ไม่ได้ เอนไซม์ถูกสร้างขึ้นภายในร่างกาย แต่รายละเอียดเกี่ยวกับเอนไซม์เช่น ร่างกายต้องการเอนไซม์ชนิดใด ปริมาณเท่าใด? และเอนไซม์ถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร? กลับยังหาคำตอบไม่ได้
เอนไซม์ไม่มีต้นกำเนิดเฉพาะของตัวเอง แต่จะมีการสะสมเอนไซม์ต้นแบบหรือมิราเคิลเอนไซม์ขึ้นภายในร่างกายก่อน จากนั้นจึงค่อยถูกเปลี่ยนไปเป็นเอนไซม์ชนิดที่ร่างกายต้องการใช้งาน
ทุกวันนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าร่างกายต้องมีเอนไซม์มากแค่ไหนถึงจะสุขภาพดี และเหลือน้อยเพียงใดจึงจะเจ็บป่วย แต่สิ่งหนึ่งที่เดาได้ไม่ยากก็คือ หากปริมาณของมิราเคิลเอนไซม์ต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น ถึงจะไม่ทำให้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้ป่วยได้
และถ้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่องอาจกลายเป็นโรคมะเร็งได้ โรคมะเร็งที่ร้ายแรงส่วนนึงมีสาเหตุจากปริมาณเอนไซม์ในร่างกายที่มีน้อยเกินไป ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันก็ต้านโรคมะเร็งได้ต่ำลงด้วย ฉะนั้นจึงควรรักษาปริมาณมิราเคิลเอนไซม์ให้คงที่ไว้เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
เราตัดสินว่าใครแข็งแรงจากสิ่งใด?
การตัดสินว่าใครแข็งแรงด้วยการดูแค่ว่าคนนั้นป่วยหรือไม่? ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง! และคนจำนวนมากจึงเข้าใจผิดคิดว่าการที่ตัวเองไม่ป่วยหมายถึงมีสุขภาพดี
ซึ่งคนในกลุ่มที่คิดว่าตนเองสุขภาพดีนั้น อันที่จริงมีไม่น้อยที่จัดอยู่ในประเภทยังไม่ป่วยแต่เอนไซม์ในร่างกายได้ลดลงไปแล้ว พูดง่ายๆว่า“แม้ไม่มีอาการของโรค แต่สุขภาพกำลังถูกคุกคามอยู่”
ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ว่า มิราเคิลเอนไซม์ลดลงไปถึงเท่าใดจึงจะเกิดโรค เราจึงควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อรับสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งออกมาก่อน
สัญญาณ 20 ข้อต่อไปนี้คือสิ่งที่บอกให้รู้ว่าร่างกายสูญเสียเอนไซม์ไปมากแล้วนะ ลองมาตรวจสอบระดับเอนไซม์ของตัวเองดูสิว่าเป็นอย่างไรบ้างจากแบบทดสอบนี้
20 สัญญาณเตือนเมื่อ ‘ขาดเอนไซม์’
- เป็นหวัดง่าย
- ปวดกล้ามเนื้อ ข้อต่อหรือเอว
- ท้องผูกต่อเนื่อง ท้องเสียหรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นมาก
- ผิวหยาบ เป็นสิวหัวช้างบ่อย
- กลัวหนาว
- คลื่นไส้ ปวดกระเพาะ ไม่อยากอาหาร
- อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย
- ตาล้า มองเห็นไม่ชัด
- ปวดหัว นอนไม่หลับ
- ผมร่วง ผมบาง
- กระและรอยย่นบนผิวหนังเพิ่มขึ้น
- น้ำหนักเพิ่มหรือลดกระทันหันโดยไม่มีสาเหตุ
- มือเท้าชา
- ตัวบวมง่าย
- เหนื่อยง่าย เวียนหัวตาลาย
- แพ้อาหาร ผิวหนังอักเสบ หอบ
- หูอื้อบ่อย
- ใจร้อน หยุดหงิด อารมณ์เสีย
- ไม่ค่อยมีสมาธิ วิตกกังวลง่าย
- ความอดทนต่ำ
ผลการทดสอบเป็นยังไงบ้างล่ะทีนี้?
ส่วนใหญ่ก็เคยมีอาการเหล่านี้ แต่คนกว่าครึ่งคิดว่าเป็นเพราะร่างกายอ่อนล้า งานยุ่ง หรืออายุมากแล้ว ไม่ได้คาดคิดว่าเป็นเพราะสุขภาพกำลังถูกคุกคามอยู่ อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวหนังเริ่มหย่อนยานซึ่งก็ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่จะค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ถ้ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเช่น “ทำไมจู่ๆ..หรือพักนี้…” นั่นหมายถึงว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนออกมาบอกให้เรารู้ว่ากำลังสูญเสียเอนไซม์ในปริมาณมาก
ทางที่ดีควรรีบชดเชยเอนไซม์กลับเข้าสุ่ร่างกายโดยเร็วเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง นี่เป็นพื้นฐานของการรักษาด้วยเอนไซม์บำบัด เมื่อคุณรู้สึกได้ว่าสัญญาณเตือนหายไปและกลับมามีพละกำลังอย่างได้เห็นได้ชัดนั่นแหล่ะ แปลว่าสุขภาพที่ดีของคุณกำลังกลับมา..
รับยีนที่ดีจากอาหาร
ฮาวเวลล์นักชีวเคมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเอนไซม์ชาวอเมริกัน พบว่าการผลิตเอนไซม์ในสิ่งมีชีวิตนั้นมีจำกัด เอนไซม์ที่มีจำกัดนี้เรียกว่า เอนไซม์แฝง และถ้าเอนไซม์แฝงถูกใช้จนหมดสิ่งมีชีวิตนั้นก็จะตาย
ถ้าร่างกายได้รับอาหารที่ช่วยชดเชยเอนไซม์และใช้ชีวิตอย่างประหยัด มิราเคิลเอนไซม์นี้ก็จะเพิ่มขึ้นได้ อวัยวะต่างๆจะทำงานดีขึ้น และยังทำให้เซลล์กระฉับกระเฉงขึ้นอีกด้วย
เอนไซม์ที่ดูแลปกป้องสุขภาพของเรานี้ผลิตได้จาก 2 แหล่งคือ เซลล์และแบคทีเรียในลำไส้ เอนไซม์ที่ถูกผลิตจากเซลล์จะมีวัตถุดิบคือสารอาหารจากอาหารที่เรากินเข้าไปนั่นเอง
ฉะนั้นถ้าอยากให้เอนไซม์เพิ่มขึ้นก็ต้องกินอาหารที่อุดมด้วยเอนไซม์ เอนไซม์ที่เข้าสู่ร่างกายก็จะถูกย่อยสลายเป็นกรดอะมิโนก่อนร่างกายจึงจะดูดซึมได้
หลายคนสงสัยว่าในเมื่อร่างกายดูดซึมเอนไซม์ในรูปกรดอะมิโน ถ้าอย่างนั้นกินอาหารที่มีกรดอะมิโนมากๆเข้าไปก็คงไม่ต่างกัน คำตอบคือต่างกันอย่างมาก.. เพราะการรับเอนไซม์เข้าสู่ร่างกายมีความหมายเฉพาะตัว สารอาหารทุกชนิดมีโครงสร้างเฉพาะตัว
กรดอะมิโนที่ได้จากการย่อยสลายเอนไซม์กับกรดอะมิโนจากการย่อยสลายโปรตีนอื่นๆจะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีโครงสร้างบางส่วนเหมือนกันก็ตาม
เมื่อร่างกายต้องการผลิตเอนไซม์เพื่อใช้งานขึ้นมา กรดอะมิโนที่มีข้อมูลเหมือนกันโครงสร้างแบบเดียวกันเหล่านี้ก็จะรวมตัวกันได้ง่ายกว่า เหมือนกับภาพจิ๊กซอว์ที่แม้จะถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆจำนวนมากก็ยังคงมีข้อมูลของภาพเดิมอยู่ จึงนำมาประกอบเป็นภาพขนาดใหญ่ได้อีกครั้งนั่นเอง
กรดอะมิโนที่มีต้นกำเนิดและโครงสร้างต่างกันก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันด้วย เช่นเดียวกับคนเราที่มีนิสัยใจคอและความสามารถไม่เหมือนกันเพราะต่างที่มา
ฉะนั้นถ้าหากต้องการกรดอะมิโนที่มีโครงสร้างแบบเอนไซม์ก็จะต้องกินอาหารที่อุดมด้วยเอนไซม์เท่านั้น ซึ่งก็คืออาหารที่มีพลังชีวิต มีเอนไซม์และยีนที่ดี เลือกผักผลไม้ ปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นๆที่สดและมีพลังชีวิต
อีกแหล่งหนึ่งที่สามารถสร้างเอนไซม์ได้ก็คือ จุลินทรีย์ในลำไส้ ถ้าบอกว่าคนเรามีจุลินทรีย์จำนวนมากในลำไส้ สาวๆคงขยะแขยง ซึ่งความจริงถ้าไม่มีจุลินทรีย์เหล่านี้เราก็ไม่สามารถมีสุขภาพที่ดีได้
ถือว่าเป็นคู่หูที่ขาดไม่ได้ทีเดียว นอกจากนี้จุลินทรีย์ในลำไส้จะสามารถผลิตเอนไซม์ได้มากกว่า 3000 ชนิด ซึ่งมีบางชนิดที่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตเองได้
จุลินทรีย์ในลำไส้ที่ผลิตเอนไซม์ที่มีประโยชน์จะถูกเรียกว่า จุลินทรีย์ฝ่ายดี ขณะเดียวกันจุลินทรีย์ฝ่ายร้ายที่ทำให้เกิดการเน่าเสียในลำไส้ก็สำคัญ เพราะจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญคือจะปรับสภาพภายในลำไส้ให้ดีได้อย่างไร? เพื่อให้ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุลกันนั่นเอง
การกินอาหารที่อุดมด้วยเอนไซม์ และอาหารที่มีพลังชีวิตซึ่งมียีนที่ดี รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในลำไส้เพื่อกระตุ้นจุลินทรีย์ในลำไส้ จะเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มปริมาณมิราเคิลเอนไซม์ได้เป็นอย่างดี
>> ชดเชยเอนไซม์ให้ร่างกายง่ายๆด้วย SOD <<
>> SOD สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในโลก <<
>> ลดการสูญเสียเอนไซม์ในร่างกายอย่างไร <<