การ ‘ดีท็อก’สารพิษในเลือด
จากการทำงานที่เคร่งเครียด เร่งรีบ เต็มไปด้วยการแข่งขัน หลายคนจึงรับประทานอาหารที่ทิ้งโทษสะสมไว้ในร่างกายแบบไม่รู้ตัว สารพิษที่ตกค้างภายในร่างกายนี้สะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน
ไม่ว่าจากการหายใจเข้าไป จากการกินและจากการสัมผัส ร่างกายจึงอ่อนแอลง ระบบของร่างกายในการกำจัดสารพิษแบบอัตโนมัติอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือไม่ก็ทำงานจนอ่อนแรง ทำให้การกำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายไม่หมด จนเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นตามมาอีกมากมาย
ดีท็อก (Detoxification )
คือการนำเอาสารพิษออกจากร่างกายของเราให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ตกค้างและสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งสารพิษที่ตกค้างน้้นจะกระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักสะสมอยู่ใน 2 ระบบก็คือระบบการย่อยดูดซึมอาหาร และระบบหมุนเวียนเลือด
การดีท็อกทั่วไปส่วนใหญ่จะเน้นที่ลำไส้ ระบบย่อยอาหารกันซะส่วนมาก ซึ่งเป็นการล้างพิษในส่วนหลักๆเท่านั้น ขณะที่ระบบหมุนเวียนเลือดนั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับลำไส้ยังคงปนเปื้อนไม่สะอาดอยู่เช่นเดิม
ดังนั้นการดีท็อกทัั้งระบบจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คือควรดีท็อกลำไส้ และดีท็อกเลือดควบคู่กันไป เพื่อกำจัดสารพิษทั้งหมดที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกให้หมดจด ซึ่งส่งผลให้อวัยวะต่างๆของร่างกายเราก็จะกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม
ดีท็อกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพด้วย คลอโรฟิลล์+อัลฟัลฟ่า
คลอโรฟิลล์(Chlorophyll) คือ สารปะกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียวและใช้ในการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) ดร.ริชาร์ด วิลสเตเตอร์ได้ค้นพบสูตรโครงสร้างทางเคมีครั้งแรกของคลอโรฟิลล์ที่ประกอบด้วย แมกนีเซียม(Mg) เป็นอะตอมตรงกลางล้อมรอบด้วยออกซิเจน(O) และไนโตรเจน(N)
ต่อมา ดร.ฮันซ์ ฟิชเชอร์(Hanns Fisher,M.D.) ได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเม็ดเลือดแดงกับคลอโรฟิลล์ ทำให้เราทราบว่าสูตรโครงสร้างโมเลกุลของคลอโรฟิลล์นั้นใกล้เคียงกับโมเลกุลของเม็ดเลือดแดง
ต่างกันเฉพาะตรงกลางที่คลอโรฟิลล์มีแมกนีเซียม(Mg) แต่เม็ดเลือดแดงมีเหล็ก(Fe) จึงทำให้เรามองเห็นเป็นสีต่างกันโดย คลอโรฟิลล์จะมีสีเขียว ส่วนเม็ดเลือดแดงจะมีสีแดง
สิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจคือ โครงสร้างของคลอโรฟิลล์นั้นมีความคล้ายคลึงกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงของมนุษย์อย่างมาก ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นคว้าวิจัยการใช้คลอโรฟิลล์ในรูปแบบต่างๆเพื่อนำประโยชน์ มาใช้บำรุงสุขภาพโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเลือด
จากผลการวิจัยพบว่าคลอโรฟิลล์สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ ซึ่งมีการทำวิจัยขององค์การอาหารและยาสหรัฐกับผู้ป่วยแผลเปิดจำนวน 3,600ราย พบว่าคลอโรฟิลล์ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ และแผลหายเร็วกว่าคนปกติถึง 25% รอยแผลเป็นลดขนาดเล็กลงกว่า 50% หรืออาจมากกว่า
ปัจจุบันมีงานวิจัยมารองรับมากมายว่าร่างกายของเราสามารถนำเอาสารคลอโรฟิลล์นี้ไปเป็นสารตั้งต้นในการสร้างเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell)ได้เมื่อร่างกายของเราต้องการ
โดยคลอโรฟิลล์จะทำหน้าที่เสมือนเม็ดเลือดแดง เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งออกซิเจน ช่วยเพิ่มอัตราการเพิ่มของเม็ดเลือดแดงทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น
นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ยังมีคุณสมบัติในการทำปฏิกริยาคีเลชั่น(Chelation) หรือพูดง่ายๆว่าปฏิกิริยาการจับสารตกค้าง สารพิษหรืออนุมูลอิสระในร่างกาย
และเมื่อคลอโรฟิลล์จับกับสารเหล่านี้แล้วก็จะถูกขับออกนอกร่างกายด้วยระบบขับถ่ายที่มีอยู่ อาจจะโดยทางอุจจาระ ปัสสาวะ หรือทางเหงื่อฯ จึงพบว่าคลอโรฟิลล์สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการสะสมของสารพิษหรืออนุมูลอิสระเหล่านี้ได้อีกด้วย
ทั้งนี้จากการสกัดและวิเคราะห์คลอโรฟิลล์จากพืชกว่า 6,000 ชนิด พบว่าพืชที่ใช้คลอโรฟิลล์ที่บริสุทธิ์และดีที่สุดก็คือ “อัลฟัลฟ่า” (ALFALFA) ซึ่งจัดเป็นพืชจำพวกตระกูลถั่วที่มีฝัก (LEGUMES)
ซึ่งมีระบบรากที่มหัศจรรย์มากๆ ในบางพื้นที่รากของต้นอัลฟัลฟ่าสามารถชอนไชลงไปลึกกว่า 130 ฟุต จึงทำให้ดูดซับสารอาหารสำคัญจากใต้ดินเอาไว้ได้มาก มีความบริสุทธิ์สูง และสารอาหารเหล่านี้ก็ล้วนเป็นประโยชน์กับร่างกายทั้งสิ้น
คลอโรฟิลล์เสริมสร้างเม็ดเลือด ต้านอนุมูลอิสระ
ทีคลอโรพลัส (T-Chloroplus) เป็นผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลล์ที่คุณภาพดีที่สุด ซึ่งลักษณะของคลอโรฟิลล์ทั่วไปนั้นจะไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติของการละลายน้ำ
แต่ผลิตภัณฑ์ทีคลอโรพลัสมีการนำวิทยาการสมัยใหม่ใช้กระบวนการสกัดสารคลอโรฟิลล์ให้อยู่ในรูปของโซเดียมคอปเปอร์คลอโรฟิลิน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถละลายน้ำได้
และไม่ตกค้างในร่างกายจึงทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ดี ไม่ส่งผลต่อตับ นอกจากนี้ยังเป็นคลอโรฟิลล์ที่ได้จากพืชตระกูลถั่ว”อัลฟัลฟ่า”อีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วทีคลอโรพลัสยังให้กรดอะมิโนที่จำเป็น และอุดมไปด้วยวิตามิน A,B6,D,E,K เกลือแร่ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียมจากอัลฟัลฟฟ่า(Alfalfa)
สารสกัดจากใบหม่อน (Mulberry) มีสารจำพวกฟลาโวนอยด์ ไฟโตสเตียรอล ไตรเทอร์ปีน แอลคาลอยด์ เซราไมด์ ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างเม็ดเลือด และภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย
อัลฟัลฟ่าสุดยอดสารอาหารจากธรรมชาติ
อัลฟัลฟ่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Medicago sativa ชื่อสามัญคือ alfalfa เป็นพืชตระกูลถั่วที่ได้รับขนานนามให้เป็น “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล”
เนื่องจากอัลฟัลฟ่ามีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก สามารถชอนไชได้ลึกถึง 30-45เมตร และขยายกว้างไปถึง 10 เมตร จึงทำให้สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆได้ดี
อีกทั้งตัวของอัลฟัลฟ่าเองก็จะไม่สะสมสารพิษเลย ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จาก “อัลฟัลฟ่า”มากกว่า 2000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อเพิ่มความเร็วและแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่มด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมาย
อัลฟัลฟ่าได้ถูกใช้ทางการแพทย์มาตั้งแต่สมัยโบราณโดยแพทย์แผนจีนได้ใช้ใบอัลฟัลฟ่าอ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติเช่นเดียวกันกับแพทย์อินเดียที่ใช้ใบและดอกสำหรับการรักษากระบวนการย่อยที่ทำงานได้น้อย
นอกจากนี้อัลฟัลฟ่ายังใช้บำบัดเรื่องข้อต่ออักเสบ ภาวะโลหิตจางเบื่ออาหาร และอาการดูดซึมอาหารไม่ดี
สารอาหารสำคัญในอัลฟัลฟ่า
- มีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 8 ชนิด ช่วยซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่สึกหรอ รวมถึงการสร้างเอนไซม์ที่มีบทบาทต่อการทำงานทุกขั้นตอนของร่างกาย
- ไกลโคไซด์ (Glycoside) จะช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ลดอาการปวดประจำเดือน ป้องกันกระดูกพรุน ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมาก
- เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสายตา และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดอัตราเสื่อมของเซลล์และอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง (Cancer) ที่อวัยวะต่างๆได้
- สารอนุพันธ์คูมาริน (Coumarin derivatives) ป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- วิตามินA ช่วยบำรุงสายตา ตามัวตอนกลางคืน
- วิตามินB เสริมสร้างสารสื่อประสาทสมอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงสมอง ระบบความจำโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียด
- วิตามินC เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
- วิตามินD ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดปัญหาข้อเสื่อมได้อีกทาง
คุณประโยชน์ดีๆจาก ทีคลอโรพลัส
- ช่วยขับสารพิษและขจัดของเสียที่สะสมในร่างกาย ทำให้สุขภาพดีขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับและสร้างเม็ดเลือดแดง
- บรรเทาอาการภูมิแพ้บางชนิด
- ลดการติดเชื้อของแผลในช่องปากและระบบทางเดินอาหาร ระงับกลิ่นปาก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
>> รายละเอียดสินค้า : ทีคลอโรพลัส (T Chloro Plus) <<
>> รีวิวสินค้า T Chloro Plus <<