6 อาหารเสริมสมองจากห้องวิจัย, FAQ

วิธีบำรุงสมอง ด้วยสุดยอดอาหาร 6 อย่าง

%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9a%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87-6-supplements

วิธีบำรุงสมอง ด้วยอาหาร 6 อย่างจากห้องวิจัย

ยาบำรุงสมอง หรือ นูโทรปิกส์ (Nootropics) ส่วนใหญ่ จะเพิ่มการทำงานของสมองด้านการเรียนรู้จดจำ ปกป้องสมองจากพิษและอนุมูลอิสระ

ชะลอความเสื่อมของสมอง ช่วยผ่อนคลาย รวมถึงผลช่วยรักษาอาการทางจิตอีกด้วย โดยมีอาหารเสริมบำรุงสมองในท้องตลาดมากมาย จึงคัดมาเฉพาะตัวเด่นๆที่สามารถพบได้ในอาหารจากธรรมชาติ และมีงานวิจัยยืนยันว่ามีประโยชน์ต่อสมองจริง

1. น้ำมันปลา 

น้ำมันปลาช่วยบำรุงสมอง

“ช่วยจัดการไบโพลาร์ ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง”

ขอยกตำแหน่งสุดยอดอาหารบำรุงสมองยอดนิยมให้กับน้ำมันปลา (Fish Oil) เพราะปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะในรูปแบบแคปซูลเม็ดสีเหลืองใส

แต่ยังมีการเติมสารสกัดสำคัญอย่างกรดไขมันโอเมก้า3  (Omega -3) ลงไปอีกด้วย กรดไขมันโอเมก้า3 เป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร

โดยกรดไขมันโอเมก้า3 ที่พบในน้ำมันปลามี 2ชนิด คือ DHA มีชื่อเต็มว่า โดโคซาเฮกซาอีโนอิกแอซิด (Docosahexaenoic Acid) และ EPA มีชื่อเต็มว่า ไอโคซาเพนทาอีโนอิกแอซิด (Eicosapentaenoic Acid)

 สำหรับประโยชน์ด้านบำรุงสมองพบว่า คนที่มีพฤติกรรมกินอาหารประจำวันที่มี DHA ต่ำ เช่น ไม่กินปลาหรืออาหารทะเล ถ้าเสริม DHA วันละ 1.16 กรัม นาน 6 เดือน

จะสามารถเพิ่มความจำและการตอบสนองของสมองต่อสิ่งเร้าได้ ทั้งยังมีคุณสมบัติลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) และคอเลสเตอรอลร้ายแรงในเลือด(LDL-Cholesterol)

โดยป้องกันการอุดตันและการเกาะตัวของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของหลอดเลือดอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังพบว่า EPA และ DHA มีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางอารมณ์ (Mood Disorder) ซึ่งมีสาหุจากการสื่อประสาทที่ไม่สมดุล จึงทำให้สมองทำงานผิดปกติ เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ (Bipolar Depression) อีกด้วย

แม้ว่าการเสริมน้ำมันปลาเพื่อรักษาโรคทางจิตเภทยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยไม่ความกินน้ำมันปลาหรืออาหารเสริมที่มีโอเมก้า3 เกินวันละ 5 กรัม และผลจากการวิจัยต่างๆแนะนำกินกรดไขมันโอเมก้า3 วันละ 1 กรัม

หรือจะเลือกส่งเสริมสุขภาพสมองโดยกินปลาทะเลที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาเฮร์ริ่ง ปลาแอนโชวี่ ปลาเรนโบว์เทราต์ ปลาบลูฟิช ปลาทูน่า สาหร่ายทะเล สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็ถือว่าเป็น วิธีบำรุงสมอง แบบง่ายๆ

2. ผลไม้สีม่วง-แดง 

ผักผลไม้สีม่วงแดงช่วยบำรุงสมอง

“ช่วยควบคุมอารมณ์”

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในบริเวณผิวเปลือกสีม่วงและสีแดงของผลไม้ เช่น องุ่น ราสป์เบอรี่ บลูเบอรี่ น้ำองุ่นแดง ลูกหม่อน

มีคุณสมบัติช่วยชะลอความเสื่อมของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่เป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความจำ และอารมณ์ สมองส่วนนี้จะเสื่อมลงตามวัยและมักเป็นสาเหตุให้สูญเสียความทรงจำและเกิดความผิดปกติทางอารมณ์ในผู้สูงอายุ

มีการศึกษาในหนูทดลองที่มีอายุเทียบเท่าวัยกลางคนพบว่า เรสเวอราทรอลมีคุรสมบัติต้านการอักเสบที่เป็นสาเหตุของความเสื่อม และทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดขนาดเล็ก

และสร้างเซลล์ประสาทใหม่ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส  และยังพบว่าหนูทดลองมีเลือดไหลเวียนในสมองเพิ่มขึ้นมีความจำและการควบคุมอารมณ์ดีขึ้น

สำหรับในคนที่ได้รับสารสกัดเรสเวอราทรอลวันละ 200 มิลลิกรัม นาน 26 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้การเผาผลาญของน้ำตาลกลายเป็นพลังงานของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น

และพบการเชื่อมโยงกันทางหน้าที่ของระบบประสาท (Functional Connectivity) เพิ่มขึ้นในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส สาเหตุทั้งสองอย่างนี้มีส่วนช่วยทำให้คนสูงอายุมีความจำดีขึ้น

3. ถั่วเหลือง 

“กระตุ้นการเรียนรู้”

ฟอสฟาทิดิลซีรีน(Phosphatidylserine) คือ สารอาหารที่พบในเลซิตินจากถั่วเหลือง (Soy Lecithin) อันเป็นส่วนประกอบของเซลล์เมมเบรน (Cell membrane) ที่พบในเซลล์ประสาท

ซึ่งมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับความทรงจำ กระบวนการเรียนรู้และแก้ปัญหา การเสริมฟอสฟาทิดิลซีรีนจากเลซิติในถั่วเหลืองวันละ 300 มิลลิกรัม จะช่วยเพิ่มความจำ ความสามารถในการวางแผน ความสามารถในการจัดการกับปัญหาต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้คือ ช่วยลดความดันโลหิตอีกต่างหาก การเสริมฟอสฟาทิดิลซีรีนจากเลซิตินในถั่วเหลืองวันละ 100-300 มิลลิกรัมต่อเนื่องนาน 6 เดือน ช่วยให้ความจำดีขึ้นและช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้อย่างดี

4.โรดิโอลาโรซี (Rhodiola Rosea)

rhodiola rosea

“ขจัดความอ่อนล้า และ ความเครียด”

สมุนไพรโรดิโอลามักใช้ในทางการแพทย์แผนจีน ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ลดอาการอ่อนล้า ลดอาการอ่อนเพลียรวมถึงความเครียดและความกดดันจากการทำงานได้

นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะซึมเศร้าในคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแบบรุนแรงน้อยจนถึงปานกลาง มีความรุนแรงของโรคลดลง

5. สมุนไพรพรมมิ 

สมุนไพรพรมมิ

“เพิ่มความจำ”

พรมมิเป็นพืชสมุนไพรที่ถูกจับตามองในแง่ของการใช้เป็นยาบำรุงสมองและความจำ มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่อระบบทางสรีรวิทยาหลายระบบโดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลางและความจำ

มีการผลิตสารสกัดพรมมิขนาด 300 มิลลิกรัมในรูปยาเม็ดเคลือบ พบว่าช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น สมองตื่นตัวต่อสิ่งเร้าดีขึ้น เพิ่มสมาธิ ความสามารถในการเรียนรู้และความจำ และลดอาการซึมเศร้า

6. กิงโกะบิโลบา 

แป๊ะก๊วย Ginkgo biloba

“ชะลอความเสื่อม”

พรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์ (Prefrontal Cortex) คือส่วนที่อยู่ด้านนอกที่ห่อหุ้มสมองบริเวณส่วนหน้าที่เรียกว่า ฟรอนทัลโลบ (Frontal Lobe) ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อไหว การออกเสียง ความคิด สติปัญญา บุคคลิก อารมณ์ ความรู้สึก

พรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์มีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความทรงจำ เรียกฟื้นความทรงจำที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร ด้วยคำพูด ความสามารถในการวางแผน มีบทบาทในการควบคุมการพูด การเล่าเรื่อง การพูดด้วยท่าทาง คล่องแคล่งฉะฉาน

 กิงโกะบิโลบา (Ginkgo Biloba) หรือสารสกัดจากใบแปะก๊วย มีผลช่วยเสริมประสิทธิภาพของสมองส่วนนี้ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าสู่สมอง มีส่วนช่วยปกป้องเซลล์สมอง และป้องกันโรคอัลไซเมอร์

ทั้งยังมีผลช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง และมีผลดีต่อกระบวนการคิดและความจำของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมซึ่งเกิดขึ้นจากโรคหลอดเลือดสมอง(Vascular Dementia) อีกด้วย

6 วิตามินและเกลือแร่ เพิ่มพลังสมอง

  • ไทอะมีน (บี1) วิตามินในกลุ่มนี้จำเป็นสำหรับสมองทั้งสิ้นโดยเฉพาะไทอะมีนที่พบในสมองและเนื้อเยื่อประสาท ไทอะมีนช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อประสาท และถ้าขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการความจำสับสนแบบเดียวกับพวกที่ติดเหล้าและเรียนรู้ช้า
  • กรดโฟลิก (บี9) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อโฟเลต ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลากหลายเช่น ผักโขม แอสพารากัส โดยร่างกายจะสะสมโฟเลตไว้ในตับ ฉะนั้นหากตับเกิดอาการผิดปกติหรือถูกทำลายขึ้นมา

ร่างกายจะขาดวิตามินชนิดนี้ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการรวมตัวของกรดแอมิโนและการทำงานของเนื้อเยื่อประสาทได้ กรดโฟลิกจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อร่างกายได้รับวิตามินบีชนิดอื่นๆอย่างครบถ้วน

ถ้าขาดกรดโฟลิกจะทำให้เด็กพัฒนาการ เพราะกรดโฟลิกมีหน้าที่พัฒนาสมองส่วนความจำ

  • กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) วิตามินซีจำเป็นต่อการรวมตัวกันของสารโดพามีนในสมองส่วนนิวโรทรานสมิตเตอร์ และช่วยปกป้องสมองไม่ให้เครียดเพราะการออกซิเดชั่น

เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสะสมวิตามินซีชนิดนี้ในร่างกายได้ จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินซี เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีวันละ 90 มิลลิกรัม

  • แคลเซียม แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่สำคัญระดับต้นๆในการทำงานของสมอง มีหน้าที่หลักในการสื่อเซลล์ประสาท ช่วยควบคุมการทำงานของ นิวโรทรานสมิตเตอร์ และควบคุมความตื่นเต้น

เพราะแคลเซียมเป็นส่วนหนึ่งของกระดูก จึงไม่ค่อยมีใครมีปัญหาขาดแคลเซียมในการทำงานของสมอง

  • แมกนีเซียม มีบทบาทสำคัญในการทำให้วิตามินบีหลายชนิดทำหน้าที่ของมันเองได้ ว่ากันตามจริง หากขาดแมกนีเซียม ร่างกายจะนำวิตามินหลายชนิดมาใช้กับสมองไม่ได้
  • สังกะสี พบสังกะสีในสมองส่วนหน้า แม้นักวิทยาสาสตร์อาจยังไม่พบข้อมูลว่าสังกะสีเข้าไปมีบททบาทสำคัญอย่างไรกับสุขภาพสมอง แต่การขาดสังกะสีก็ทำให้การทำงานของสมองและสุขภาพจิตลดลง เช่น พบว่าผู้ป่วยพาร์กินสัน และ อัลไซเมอร์

และนอกจากเลือกกินอาหารเสริมบำรุงสมองเพื่อเป็นอีกหนึ่ง วิธีบำรุงสมอง แล้ว แต่ก็อย่าลืมกินข้าวกล้อง ปลาทะเล ผักใบเขียว และผักผลไม้หลากสีเป็นประจำ เพราะช่วยให้สมอง จิตใจ และร่างกายแข็งแรงขึ้นได้อย่างสมบูรณ์

อาหารเสริม เพิ่มความจำ บำรุงสมอง โฟลว์ FLOW
บทความที่น่าสนใจ

error: do not copy content!!