5มะเร็งฮิตคร่าชีวิตคุณผู้ชาย, FAQ

5 โรคมะเร็ง ยอดฮิตคร่าชีวิตคุณผู้ชาย

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%87-kill-men

5 โรคมะเร็ง ที่คุณผู้ชายมักเป็น

        โรคมะเร็ง เป็นโรคฮิตที่ครองแชมป์เสียชีวิตของผู้ชายไทยมานานแถมยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าตกใจ

มีผู้ป่วยโรคมะเร็งใหม่ปีละ1แสนคน จากพฤติกรรมที่คอยทำร้ายสุขภาพคุณผู้ชายทั้งแบบรู้ตัว(แต่ยังทำ)และแบบไม่รู้ตัว

เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินเยอะ อ้วนลงพุง ไม่ออกกำลังกาย เครียด นอนดึก สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งต่างๆ และอาจมีบางสิ่งที่คุณยังเข้าใจผิดหรืออาจไม่รู้เกี่ยวกับมะเร็ง

1. มะเร็งที่พบได้บ่อยสุดในเพศชายคือ โรคมะเร็งปอด เป็นอันดับต้นๆของผู้ชายทั้งโลก สาเหตุหลักก็จากสูบบุหรี่ ผู้ชาย1 ใน 10 คนที่สูบบุหรี่จะเป็นโรคมะเร็งปอด เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ที่ชื่อ “ทาร์” โดยเฉพาะคนสูบบุหรี่จัดเป็นเวลานาน จะมีอาการนำเลย คือ ไอ

บางครั้งอาจมีเลือดปนออกมา หายใจสั้นลง เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หายใจลำบาก เจ็บบริเวณทรวงอก น้ำหนักลด มีไข้เรื้อรัง อาจลุกลามอาจไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ ถ้าตรวจพบมะเร็งปอดในระยะแรกเริ่มก็มีโอกาสรักษาหายได้ มะเร็งปอดจะเป็นเนื้องอกของปอดชนิดโตเร็ว

เกิดขึ้นจากเซลล์ของเนื้อเยื่อในปอดแบ่งตัวเร็วผิดปกติจนควบคุมไม่ได้ มลภาวะต่างๆในสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ได้เช่นกัน

2. มะเร็งที่พบรองมาคือ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคนี้มักพบในเพศชายอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากมีการกระจายตัวช้ากว่าที่ปอด การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากจากอาการปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะไม่ออก หรือปัสสาวะมีเลือดปน ทำให้วินิจฉัยมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 

ส่วนใหญ่ในระยะแรกๆไม่ค่อยมีอาการ หรืออาการคล้ายโรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งปัสสาวะหรือน้ำอสุจิมีเลือดปน มะเร็งในระยะต้นตรวจพบได้เมื่อแพทย์ตรวจร่างกาย โดยสวมถุงมือคลำต่อมลูกหมากผ่านทางช่องทวารหนัก

มีการตรวจเลือดร่วมด้วยเพื่อหาระดับของค่าพีเอสเอ (PSA เอนไซม์ต่อมลูกหมาก) ก็สามารถตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากได้เร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจที่ช่วงอายุ 45 – 50 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเคยเป็น

โรคมะเร็ง ที่ผู้ชายชอบเป็นกัน

3. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่พบมากอีกเช่นกันในผู้ชาย มีโอกาสเสี่ยงเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป กลุ่มเสี่ยงสูงคือบุคคลที่มีประวัติครอบครัวใกล้ชิดเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีโอกาสเสี่ยงถึง 2/3ของคนทั่วไป

ลำไส้ส่วนปลายเป็นท่อกลวงยาวประมาณ 5-6 ฟุต ท่อความยาว 5 ฟุตแรกคือส่วนของลำไส้ใหญ่และต่อกับลำไส้ตรงที่ยาวประมาณ 6 นิ้ว ส่วนต่อจากลำไส้ตรงคือทวารหนัก หน้าที่ของลำไส้ใหญ่คือแปรรูปของเสียที่เหลวให้เป็นอุจจาระแข็ง

อาหารใช้เวลาเดินทางมาสู่ลำไส้ใหญ่ 3-8 ชั่วโมงหลังจากกิน ช่วงเวลานี้สารอาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ส่วนกากที่ไม่ดูดซึมจะเป็นของเสียเหลว

  • ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ กินของมัน เนื้อแดงมาก แต่ทานผักและผลไม้น้อย กินอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่ออกกำลังกายน้อย โรคอ้วน มะเร็งลำไส้ตรงส่วนใหญ่มักแสดงอาการต่างจาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ

อุจจาระปนเลือด, ท้องผูก สลับกับท้องเดินอย่างไม่มีสาเหตุ, ขนาดของเส้นอุจจาระเปลี่ยนไปและปวดเบ่ง คืออาการรู้สึกปวดถ่ายในขณะที่ไม่มีอุจจาระหรือไม่สามารถขับถ่ายออกได้

ถ้าก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นอาจไปเบียดอวัยวะข้างเคียงอาจก่อให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือปวดเนื่องจากมีการกดทับที่ก้นหรือฝีเย็บ หากมีอาการที่ว่าควรรีบพบแพทย์

4. โรคมะเร็งตับ เมื่อก่อนเราจะได้ยินว่ากินเหล้ามากๆจะเป็นตับแข็ง สมัยนี้คนไทยอาจดื่มเหล้าลดลง ทำให้คนที่เป็นโรคตับแข็งจากการดื่มเหล้าก็ลดลง แต่เร็วๆนี้พบว่าคนที่ตับอักเสบเกิดจากการกินยาดอง หรืออาหารหมักดองเกือบทุกวัน

จนมีตับแข็งระยะเริ่มต้น ตรวจพบก้อนเนื้อที่อาจเป็นมะเร็งตับ สรุปว่าถึงไม่ได้กินเหล้า แต่กินอาหารที่มีส่วนผสมของเหล้าหรือแอลกอฮอล์ติดต่อกันนานๆก็อาจทำให้ตับทำงานหนักทุกวันจนเป็นตับแข็งและ โรคมะเร็ง ได้

พบบ่อยที่สุดคือ ตับอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด B และชนิด C (B พบมากกว่า) ไวรัสตับอักเสบ B,C สามารถติดต่อได้เหมือนโรคเอดส์นั่นแหล่ะ แต่มันติดต่อได้ง่ายกว่าคือเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับเชื้อแล้วจะเป็นโรคจะมีสูงกว่า

ทีนี้เมื่อเราได้รับเชื้อเข้าไปในเลือดแล้ว เชื้อไวรัสจะไปรวมตัวที่ตับทำให้ตับอักเสบ ส่วนจะมีอาการของโรคตับอักเสบหรือไม่ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน บางคนแทบไม่มีอาการเป็นแล้วหายเองและมีภูมิต้านทานในตัว

แต่บางคนเป็นแล้วเชื้อไม่หายไปจากตัว กลายเป็นเรื้อรัง หรือเป็นพาหะติดต่อคนอื่นได้ พอตับอักเสบนานๆเข้า เป็น 10-20 ปี ก็ทำให้เซลล์ตับเป็นพังผืด เหี่ยวลง จนอาจกลายเป็นโรคตับแข็ง ซึ่งอาจมีบางเซลล์ในล้านเซลล์พัฒนาเป็น มะเร็งตับ

       คนที่มีไขมันพอกในตับมากๆ (Fatty liver) โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดตับแข็งได้เหมือนกัน อาจต้องตรวจตับด้วยอัลตราซาวด์หรือตรวจเลือดหามะเร็งตับ แต่เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้นแล้วจะส่งผลให้ปวด แน่นท้องบริเวณด้านขวาบน

อาจมีอาการบริเวณลิ้นปี่ และมีอาการเหม็นเบื่ออาหาร ทานไม่ค่อยได้ ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักลดลงโดยไม่รู้ตัว บางคนก็มีท้องอืด อาหารไม่ย่อย เพราะเคมีน้ำดีในตับบกพร่อง

บางคนอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีน้ำที่ช่องท้องที่เรียกว่าท้องมานได้หากก้อนลุกลามมาก แต่อาการเหล่านี้บางครั้งอาจเกิดจากภาวะตับแข็งเฉยๆโดยที่ยังไม่ได้เป็น โรคมะเร็ง ก็ได้

5. โรคมะเร็งศีรษะและลำคอ หรือ Head & Neck Cancer ส่วนใหญ่โรคนี้มีสาเหตุจากเยื่อเมือกบุภายในของอวัยวะบริเวณศีรษะและลำคอเช่น ช่องปาก ประกอบด้วย

ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม เนื้อเยื่อใต้ลิ้น และรอบๆลิ้น เหงือก ลิ้น โคนลิ้น ต่อมทอนซิล เพดานอ่อน และลิ้นไก่ โพรงหลังจมูก กล่องเสียง ต่อมไทรอยด์ เนื้อเยื่อรอบกล่องเสียง โพรงจมูก และโพรงไซนัส และต่อมน้ำลาย

      สาเหตุเกิดโรคมะเร็งศีรษะ และลำคอยังไม่ชัดเจน แต่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การขาดวิตามิน และเกลือแร่ การกินหมาก ยาฉุน การมีแผลเรื้อรังในช่องปากจากโรคต่าง ๆ การติดเชื้อไวรัสบางชนิดที่สำคัญ เช่น เชื้อไวรัสอีบีวี ไวรัสเอชพีวี และไวรัสเอชไอวี

ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งศีรษะและลำคอมาจากการดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่ ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเช่น ภาวะภูมิคุ้มกันความผิดปกติทางพันธุกรรมอาจมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งศีรษะและลำคอ

นอกจากนี้การใช้ฟันปลอมที่ไม่พอดี ซึ่งทำให้เกิดการเสียดสีกับเยื่อบุภายในปาก ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองจนเป็นแผล หากปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดขึ้นเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้ในระยะยาว

และอีกสาเหตุที่พบคือการได้รับเชื้อ HPV (ไวรัสตัวเดียวกับที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก) จากการมีคู่นอนหลายคน การทำออรัลเซ็กส์ ก็อาจจะเป็นมะเร็งในช่องปาก คอหอย และต่อมทอนซิลได้

       วิธีดูแลตัวเองเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งนั้นเริ่มต้นทำง่ายๆ คือ การเลิกบุหรี่ เลิกดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารที่เป็นประโยชน์ให้ครบทุกหมู่ ปริมาณเหมาะสม (ไม่ให้อ้วนหรือผอมจนเกินไป)

เสริมอาหารเช่น เบต้ากลูแคน เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ดีท็อกลำไส้บ้าง ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หมั่นตรวจร่างกาย คอยสังเกตอาการด้วยตัวเอง เพราะถ้าตรวจพบแต่เนิ่นๆ จะได้รับรักษาได้อย่างทันท่วงที มีโอกาสหายได้สูง

อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นูทริก้า Nutriga

>> ป้องกันมะเร็งด้วย เบต้ากลูแคน <<
>> ดีท็อกลำไส้ง่ายๆ ด้วย Phytovy <<

error: do not copy content!!