FAQ, พิชิตโรคสมองเสื่อม

5 วิธี พิชิต ‘โรคสมองเสื่อม’

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a1

“โรคสมองเสื่อม” พิชิตได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ

โรคสมองเสื่อม (Dementia) ถือว่าเป็นโรคที่สร้างปัญหาและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีิวตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ

แต่อาการหลงลืมบางสิ่งบางอย่างเพียงเล็กน้อย ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนอายุมาก แต่อาหารหลงลืมแบบสนิท ไม่สามารถจดจำหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เลยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และมีความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคสมองเสื่อม”

ถึงแม้ว่าอายุมากขึ้นจะทำให้ความสามารถของสมองลดลง โดยเฉพาะเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป มีผลวิจัยบอกว่าการทำงานของสมองจะลดลง 10-20% เมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่

ทั้งนี้เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่างอาการที่บ่งบอกถึงภาวะสมองเสื่อมกับอาการหลงลืมบ้างเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยความสามารถที่ลดลงตายวัยของผู้สูงอายุ ได้แก่

  • ความเร็วในการคิด 

โดยจะคิดได้ช้ากว่าเดิม แม้จะยังคงคิดได้อยู่แต่จะใช้เวลานานขึ้น

  • ความจำและการเรียนรู้ 

เช่นเดียวกับความเร็วในการคิด โดยอาจจะใช้เวลาในการจำและการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากขึ้น แต่ก็ยังคงสามารถจำและเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อยู่

ถึงแม้อายุจะมากขึ้นเพียงใด แต่ความสามารถของสมองที่ยังคงสภาพคงที่ ไม่ด้อยประสิทธิภาพลงไป ก็คือ

  1. การพูดและการใช้ภาษา โดยความสามารถด้านนี้ของผู้มีอายุมากยังคงเดิม ไม่ได้เสื่อมถอยลงตามวัย
  2. สมาธิและการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งยังคงมีอยู่และทำได้ดีพอๆกับในตอนที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่
  3. ความรู้ ความสามารถด้านนี้ถือว่าดีกว่าวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากผ่านประสบการณ์และการเรียนรู้มานานกว่า
  4. การวาดรูป ทิศทางและการกะระยะ โดยคนแก่สามารถทำได้ดีเป็นปกติ แต่หากเกิดอาการหลงลืม จำทางกลับบ้านไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นเส้นทางเดิมๆและคุ้นเคย ก็จะเป็นที่สังเกตได้ว่าเกิดความผิดปกติในด้านความจำ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็น “โรคสมองเสื่อม”

รักษาและป้องกันโรคสมองเสื่อมด้วยวิธีการ 5 ข้อ

นอกจากเรื่องของอายุที่มากขึ้นจะส่งผลต่อความเสื่อมของสมองแล้ว ยังมีสิ่งที่ส่งผลให้สมองทำงานแย่ลง ได้แก่

  • การมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • อ้วนและมีภาวะน้ำหนักเกินมากๆ
  • สูบบุหรี่บ่อย
  • เป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง

ซึ่งปัจจัยพวกนี้ส่งผลต่อการทำงานของสมองให้เสื่อมลงในระยะยาวได้ และอีกหนึ่งงานวิจัยที่บ่งบอกว่า การหยุดหายใจในขณะนอนหลับ จะสัมพันธ์กับอาการความจำเสื่อม ซึ่งอาการหยุดหายใจในระหว่างนอนหลับนี้ มักเกิดขึ้นในคนที่มีภาวะอ้วนเกินมาตรฐานมากๆ โดยจะนำมาซึ่งอาการเริ่มแรกของ “โรคความจำเสื่อม” หรือ โรคอัลไซเมอร์ ได้

จึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ควรทำการรักษาภาวะดังกล่าว เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอาการความจำเสื่อมแล้ว ยังทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน(ส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้)

ดังนั้นเพื่อเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อม เราควรป้องกันและปฏิบัติตนดังนี้

  1. กินอาหารที่พวกผักเป็นประจำ
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  3. มีงานอดิเรกทำ
  4. ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ
  5. ฝึกสมองหรือใช้สมองเป็นประจำ

ซึ่งสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้สูงอายุคือ การพยายามหาอะไรทำอยู่เสมอ ไม่ปล่อยตัวให้อยู่ว่างเฉยๆ โดยสิ่งที่ช่วยได้คือ การมีงานอดิเรกทำ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของมันและหวาน ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพียงเท่านี้อายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข

เมื่อสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญมากสำหรับการดำรงชีวิตของเรา จึงควรดูแลและบำรุงให้สมองยังคงทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพตราบเท่าที่เรายังคงหายใจ

>> อาหารเสริมบำรุงสมอง โฟลว์ (FLOW) << 

error: do not copy content!!