5 คำถามถุงน้ำรังไข่ที่ควรรู้, FAQ

5 คำถามถุงน้ำรังไข่ที่ควรรู้

5-things-%e0%b8%96%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b9%88

5 คำถามที่ควรรู้เกี่ยวกับถุงน้ำ ‘รังไข่’

เรื่องถุงน้ำใน ‘รังไข่’ นั้นเป็นเรื่องเล็กที่ไม่เล็กเลยสำหรับผู้หญิง หลายคนเกิดความวิตกกังวลเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นถุงน้ำใน ‘รังไข่’

ซึ่งโดยมากมักพบหรือรู้ตัวจากการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณช่องท้องด้วยปัญหาสุขภาพอื่นๆมา

และคนทั่วไปก็มักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องถุงน้ำรังไข่อยู่หลายอย่าง เรามาเคลียร์กันทีละประเด็นเลยค่ะ

1.ถุงน้ำรังไข่กับซีสต์รังไข่เป็นคนละโรค!

ความจริง.. “ถุงน้ำรังไข่กับซีสต์รังไข่เป็นโรคเดียวกัน” เพราะคำว่าซีสต์ (Cyst)เป็นคำทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษแปลว่า ถุงที่มีน้ำของเหลวหรืออากาศบรรจุอยู่ภายในนั่นเอง

2.เป็นถุงน้ำรังไข่แล้วทำให้มีลูกยาก!

ไม่จำเป็นเสมอไปค่ะ.. ถุงน้ำรังไข่มีอยู่หลายชนิด แล้วส่วนใหญ่ไม่มีผลข้างเคียงเกี่ยวกับการมีลูกยากเลยยกเว้นถุงน้ำรังไข่ชนิดช็อกโกแลตซีสและกลุ่มอาการถุงน้ำหลายใบในไข่ใบเดียว (Polycystic Ovarian Syndrome)

3.ถุงน้ำรังไข่จะเป็นมะเร็งหรือกลายเป็นมะเร็งในภายหลัง!

ที่จริงแล้วผลการวินิจฉัยออกมาว่าเป็นถุงน้ำรังไข่ ก็แสดงว่าไม่ใช่มะเร็ง และมักจะไม่เป็นมะเร็งในภายหลังด้วย สบายใจได้เลยค่ะ

4.ถุงน้ำรังไข่จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น..!

ถุงน้ำรังไข่นั้นส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการใช้ยาและการเฝ้าระวัง มีน้อยรายที่จะมีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

5.การตรวจพบถุงน้ำรังไข่เป็นสิ่งผิดปกติ..!

ความจริงแล้ว.. ถุงน้ำรังไข่พบในผู้หญิงทั่วไปร้อยละ 10 เช่นหากผู้หญิงคนหนึ่งไปตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ทุกปีช่วงชีวิตหนึ่งต้องเจอถุงน้ำรังไข่ปกติอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ไม่ใช่โรคจึงไม่ต้องรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำรังไข่ที่เจอ

ที่จริงอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกายของเรามีโอกาสเกิดซีสต์ได้ทั้งนั้น! ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก ไขมัน อวัยวะภายใน หรือแม้แต่สมองเองก็มีซีสต์เกิดขึ้นได้ ส่วนผู้หญิงก็จะมีความพิเศษมากกว่าผู้ชายตรงที่มีอวัยวะสืบพันธุ์คือ รังไข่

ที่มีโอกาสเกิดซีสต์ขึ้นได้บ่อยๆ ยิ่งเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้วก็จะเกิดซีสต์หรือถุงน้ำรังไข่ขึ้น โตแล้วก็ยุบหายไปตามรอบเดือนซึ่งเกิดจากการตกไข่ตามปกติ

สัญญาณเตือนถุงรังไข่ผิดปกติ

มารู้จักชนิดของถุงน้ำรังไข่กัน

  • ถุงน้ำรังไข่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

เป็นชนิดที่พบบ่อยมากเพราะผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์หากไม่ได้คุมกำเนิดย่อมมีไข่ตกจากถุงไข่เป็นปกติ ซึ่งถุงนี้เองจะกลายเป็นถุงน้ำรังไข่และฝ่อหายไปเองเมื่อประจำเดือนมา

บางรายถุงน้ำรังไข่อาจจะคงอยู่ได้นานถึง 1-3 เดือนก่อนที่จะฝ่อและหายไปเอง ส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่โต (ประมาณเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 เซนติเมตร) ฉะนั้นหากตรวจเจอถุงน้ำรังไข่ขนาดเล็ก ก็คือถุงน้ำที่เกิดตามธรรมชาติซึ่งจะฝ่อหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา

ขณะที่บางรายที่เจอมีขนาดใหญ่กว่าแต่ไม่เกิน 8-10 เซนติเมตร ถ้าเป็นถุงน้ำรังไข่ชนิดนี้อาการจะไม่ค่อยรุนแรง เช่นอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนใหญ่ก็รักษาได้ด้วยการใช้ยาปรับฮอร์โมน (Rebalance) ให้กลับมามีความสมดุลเหมือนเดิม

  • ช็อกโกแลตซีสต์

เป็นถุงที่ภายในมีเลือดเหลวสีน้ำตาลข้นเหมือนช็อกโกแลตอยู่ ภาวะนี้เกิดขึ้นได้จากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีอาการที่พบบ่อยคือ ปวดประจำเดือนและมีลูกยาก ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยยาแต่ถ้าหากต้องการมีลูกหรืออาการไม่ดีขึ้นหลังจากรักษาด้วยยาก็ต้องใช้วิธีผ่าตัด

  • เดอร์มอยด์ซีสต์ (Dermoid Cyst)

เป็นถุงที่ภายในมีไขมัน เส้นผม กระดูก ฟัน เนื้อเยื่ออื่นๆ เกิดจากเซลล์ที่พัฒนามาจากเซลล์ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และลำไส้ พบได้ประมาณ10-20% ของจำนวนคนที่เป็นถุงน้ำรังไข่ และพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 20-30 ปี

ทำให้หญิงช่วงวัยนี้มีการผ่าตัดทางนรีเวชสูงที่สุด ไม่ว่าจะตรวจพบโดยบังเอิญหรือมีอาการปวดท้องจากการบิดขั้วหรือโตจนคลำก้อนที่ท้องน้อย

ในสมัยก่อนจะรักษากันด้วยการผ่าตัดจึงเชื่อว่าโรคนี้เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ (ถูกเสกของเข้าท้อง) เพราะเห็นว่ามีเศษหนัง เส้นผม ไขมัน กระดูก เนื้อเยื่อต่างๆในก้อนเดอร์มอยด์ชีสต์ซึ่งมันน่าประหลาดใจไม่น้อยที่เจอสิ่งเหล่านี้อยู่ข้างใน เลยทำให้เรื่องราวดูคล้ายกับโดนคุณไสยไปโดยปริยาย

  • ถุงน้ำรังไข่หลายใบในไข่ใบเดียว

ถุงน้ำรังไข่ชนิดนี้มีขนาดเล็กตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร จนถึงประมาณ 1 เซนติเมตร คือในไข่ใบเดียวจะมีถุงน้ำถึง 12-15 ถุง แต่ไม่ทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ ถุงน้ำเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มที่ประกอบไปด้วยโรคอ้วน หน้ามัน เป็นสิว ขนดก ประจำเดือนไม่มาหรือประจำเดือนมาไม่ปกติ

โรคนี้ทำให้มีลูกยากเพราะไข่ไม่ตก เลยมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งโพรงมดลูก บางคนก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนของความอ้วนได้ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขข้อ หัวใจ ส่วนใหญ่ก็รักษาด้วยยา

  • เนื้องอกธรรมดาของรังไข่

เป็นถุงที่บรรจุน้ำใสหรือน้ำสีเหลืองฟางหรือมูก ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลำก้อนในท้องได้ ปวดท้องเพราะเนื้องอกเกิดอาการบิดขั้วหรือมีเลือดออกในก้อนหรือแตก เนื้องอกธรรมดาของรังไข่ชนิดนี้มีขนาดใหญ่ (เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 8 เซนติเมตร)บางคนอาจมีขนาดใหญ่จนเต็มท้องน้ำหนักเป็นสิบกิโลกรัมก็มี ต้องรักษาโดยการผ่าตัด

การตรวจถุงน้ำรังไข่ทั้ง 5 ชนิดนี้ สามารถตรวจได้ว่าเป็นชนิดไหน? โดยการดูจากอาการที่เป็น ตรวจภายใน การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ และบางรายอาจต้องเจาะเลือดหรือตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติม ส่วนการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำรังไข่

หมดกังวลได้เลยค่ะหากเป็นถุงน้ำรังไข่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะจะไม่พัฒนาเป็นมะเร็งแล้วก็ไม่ต้องผ่าตัด สามารถจะยุบหายไปได้เองหลังการรักษา แต่ถ้าเป็นชนิดอื่นให้สังเกตอาการตามนี้

6 สัญญานเตือน

  • มีอาการปวดท้องน้อย โดยเฉพาะปวดสัมพันธ์กับรอบเดือนก็อาจสงสัยว่าจะมีช็อกโกแลตซีสต์
  • รู้สึกว่าปัสสาวะบ่อยขึ้น เนื่องจากซีสต์โตพอสมควรเลยไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ
  • มีอาการหน่วง ๆ แถวท้องน้อย
  • บางคนไม่มีอาการเลยแต่รู้สึกหรือเข้าใจไปว่ามีหน้าท้องโตเพราะอ้วน
  • อาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน จากขั้วถุงน้ำรังไข่บิด หรือถุงน้ำรังไข่แตกก็ได้
  • อาจมีประจำเดือนมาไม่ปกติ มามาก มากะปริบกะปรอย ปวดประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละเดือน

ในกรณีร้ายแรงที่ถุงน้ำแตกออกและมีเส้นเลือดฉีกขาดก็อาจทำให้ตกเลือดได้ ซึ่งเป็นอันตรายและมีโอกาสทำให้เสียชีวิต โรคนี้แม้ไม่ใช่มะเร็งร้ายแต่ก็มีผลกระทบต่อสุขภาพ และอันตรายได้

ผู้หญิงควรให้ความสนใจหากมีอาการผิดปกติ ใน 6 สัญญาณเตือน ก็ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและทำการรักษาแต่เนิ่นๆเพราะการเกิดถุงน้ำในรังไข่ยังเป็นสาเหตุของความผิดปกติของระบบอื่นๆ ของร่างกายตามมาอีกหลายระบบด้วย

การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้หญิง ด้วยการปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้เป็นปกติ ตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ..

ปวดท้องประจำเดือนแก้ได้ด้วยอาหารเสริมบำรุงสตรี Click Plus

>> ประจำเดือนมาไม่ปกติ ทำไงดี? <<
>> ตกขาวอย่าตกใจ <<
>> ปรับสมดุลฮอร์โมนด้วยอาหารเสริมClick <<

error: do not copy content!!