
ผังการเงิน… เส้นทางเดินที่ต้องรู้
มนุษย์ทุกคนอาศัยอยู่ในโลกแห่งความตรงกันข้าม ทุกอย่างล้วนมีขึ้น มีลง มีร้อน มีเย็น มีมืด มีสว่าง มีซ้ายมีขวา มีเร็ว มีช้า เป็นธรรมดาสมดุลของโลก ขั้วหนึ่งจะคงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีอีกขั้วหนึ่ง เป็นไปได้มั๊ยว่าจะมีด้านขวา โดยไม่มีด้านซ้าย ? หรือมีมืด แต่ไม่มีสว่าง ? ไม่มีทาง ….!
เช่นเดียวกันครับ เมื่อมีกฏเกณฑ์ภายนอก เรื่องเงินๆทองๆ ก็ย่อมมีกฏเกณฑ์ภายในด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างกฏเกณฑ์ภายนอก เช่น ความรู้ทางธุรกิจ การบริหารจัดการเงิน กลยุทธ์การลงทุน ฯ และอีกมากมาย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งสิ้น แล้วกฏเกณฑ์ภายในล่ะ…บอกได้เลยครับว่าสำคัญไม่แพ้กัน ยกตัวอย่าง ช่างไม้กับเครื่องมือทั้งหลายของเขา การที่เขามีเครื่องไม้เครื่องมือคุณภาพเยี่ยมมากมายเป็นสิ่งสำคัญ แต่การที่เขาเป็นช่างที่มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านั้นก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน แถมอาจสำคัญกว่าด้วยซ้ำ
แล้วคุณล่ะเป็นคนแบบไหน ? คุณคิดอย่างไร ? ความเชื่อของคุณคืออะไร ? ลักษณะนิสัย ความเคยชินของคุณเป็นอย่างไร ? จริงๆแล้วคุณคิดอย่างไรกับตัวเอง ? มั่นใจในตัวเองแค่ไหน ? ความจริงก็คือ ลักษณะนิสัย วิธีคิด และความเชื่อของคุณเป็นปัจจัยสำคัญเลยทีเดียว ที่บ่งชี้ถึงระดับความสำเร็จของคุณเอง
คุณเคยได้ยินเรื่อง คนที่ผลาญเงินตัวเองมาบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ ? บางคนมีเงินมากมายก่ายกอง แต่ก็ผลาญมันจนหมด หรือมีโอกาสในธุรกิจอย่างรุ่งโรจน์สวยงาม แต่ก็ดันทำมันพัง.. ! ถ้ามองจากภายนอก อาจดูเหมือนคราวเคราะห์ คร่าวซวย เศรษฐกิจตกต่ำหรืออะไรก็ตาม… แต่ถ้ามองให้ลึกถึงภายใน มันกลับกลายเป็นอีกเรื่องนึงงเลย… สาเหตุที่แท้จริงก็คือ เมื่อคุณมีเงินก้อนใหญ่ในขณะที่สภาพจิตใจคุณ ” ยังไม่พร้อม “ เงินก้อนนั้นอาจอยู่กับคุณได้ไม่นานหรอกและคุณจะอาจต้องเสียมันไปในที่สุด
คนส่วนใหญ่ไม่มีขีดความสามารถภายในใจมากพอ ที่จะหาและรักษาเงินจำนวนมากๆ เอาไว้ รวมถึงการรับมือกับความท้าทายและกดดันที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเงิน นั่นคือเหตุผลที่เค้ามีฐานะการเงินที่ย่ำแย่ ตัวอย่างง่ายๆเช่น คนที่ถูกหวย, คนที่ถูกหวยส่วนใหญ่จะกลับมามีฐานะการเงินเท่าเดิม ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดนั่นเอง
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐีเงินล้านที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตนเอง เช่น โดนัล ทรัมป์ เคยมีทรัพย์สินนับพันล้าน วันนึงเขาก็ได้สูญเสียทุกอย่างไปจนหมดตัว แต่อีกสองปีต่อมา เขากลับมาผงาดได้ใหม่แถมยังมีเงินมากว่าเดิมด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะ ถึงแม้เขาจะสูญเสียเงินไป แต่องค์ประกอบที่นำเขาไปสู่ความสำเร็จไม่ได้สูญไปเลย องค์ประกอบที่ว่านั่นก็คือ “สมองที่คิดแบบเศรษฐีเงินล้าน “ ..ในกรณีของทรัมป์น่าจะเรียกว่า “สมองพันล้าน” ถึงจะถูก..555
คนอย่างทรัมป์คงไม่มีวันเป็นแค่เศรษฐีเงินล้านแน่… ถ้าเขามีทรัพย์สินแค่ 1 ล้านดอลล่าร์ คุณคิดว่าเค้าจะรู้สึกกับตัวเองอย่างไร? ใช่แล้ว ! เขาคงรู้สึกเหมือนสิ้นเนื้อประดาตัว… นั่นเป็นเพราะ “เครื่องควบคุมระดับการเงิน” ของทรัมป์ ถูกตั้งไว้ที่หลักพันล้าน ไม่ใช่แค่หลักล้าน ขณะที่เครื่องควบคุมระดับการเงินของคนส่วนใหญ่ตั้งไว้ที่หลักหมื่น ไม่ใช่หลักล้าน … และน่าตกใจกว่าคือ มีคนจำนวนมากตั้งค่าไว้ติดลบ !
ที่จริงคนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานด้วยศักยภาพสูงสุดที่มี เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีสติ พวกเขาทำงานแบบวงล้อเครื่องจักรที่หมุนไปเรื่อยๆ เค้าทำงานและคิดถึงชีวิตแค่เพียงระดับผิวเผิน โดยพิจารณาจากสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น เขามีชีวิตที่ยึดติดกับโลกที่เห็นด้วยตาเปล่า
สมมุติว่า มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง บนต้นมีผลไม้อยู่เต็มไปหมด …ในชีวิตจริง เราเรียกผลไม้เหล่านี้ว่า “ผลลัพธ์” เมื่อมองดูผลไม้ (ผลลัพธ์) ของเราแล้วเรารู้สึกไม่ชอบ ไม่ค่อบพอใจนัก ผลผลิตยังมีไม่มากพอ เล็กไป หรือไม่อร่อย แล้วเรามักจะทำอะไรต่อ่ไปล่ะ ? หลายคนมักให้ความสนใจจดจ่ออยู่กับผลไม้ (ผลลัพธ์)เช่นเดิม แต่อะไรกันแน่ที่ทำให้ผลไม้อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาได้ ? เมล็ดพันธุ์และรากของมันต่างหากที่ทำให้ผลิดอกออกผล “ สิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินสร้างสิ่งที่อยู่เหนือพื้นดิน “ และ “ สิ่งที่เรามองไม่เห็นต่างหากที่สร้างสิ่งที่เรามองเห็น “ แปลว่า ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงผลไม้ คุณต้องเริ่มเปลี่ยนที่รากไม้ก่อน “ ถ้าคุณอยากแก้สิ่งที่คุณมองเห็น คุณต้องเริ่มแก้จากสิ่งที่มองไม่เห็น “ และนั่นคือ “ผังการเงินในหัวคุณ “
กด Next เพื่ออ่านต่อ..