FAQ, กรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน…ทำยังไงจึงจะหายได้นะ?!

%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-gastroesophageal-reflux

กรดไหลย้อน โรคฮิตวัยทำงาน

และวิธีรักษาอย่างปลอดภัย

กรดไหลย้อน (GERD) ถือเป็นโรคยอดฮิตแห่งยุค เพราะคนสมัยนี้เป็นกันมาก คนไทยรู้จักกันทั้งสองโรคเมื่อราว 20 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง และยังไม่มีใครทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า ตัวการที่ก่อให้เกิดโรคคือ ความเครียดและพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม

ความเครียดสะสมทำให้เกิดโรคได้

✦ กรดไหลย้อน คืออะไร? ✦

โรคกรดไหลย้อนหรือเกิร์ด (GERD-Gastroesophageal Reflux Disease)  ความจริงแล้วไม่ใช่โรคใหม่ ต่างประเทศเรียกโรคนี้ว่า ฮาร์ดเบิร์น (Heartburn) เพราะว่ามันมีอาการแสบร้อนในช่องอก

อาการแสบร้อนกลางอกจากกรดไหลย้อน Heart Burn

คนที่เป็นโรคนี้มักมีอาการแสบร้อนจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย บางคนเรอมีกลิ่นเปรี้ยว เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงปากและคอ ทำให้กลิ่นลมหายใจไม่สะอาด

กรดไหลย้อน ยังส่งผลเสียต่ออวัยวะช่วงลำคอ ทำให้มีอาการไอ ระคายคอ เสียงแหบ และกระตุ้นโรคหืดให้กำเริบหนักได้ ซึ่งโรคนี้มักมีอาการเรื้อรัง สร้างความรำคาญใจอย่างมาก

อาการปวดแสบปวดร้อนลำคอ GERD

คำถามคืออาการนี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นได้หรือไม่? คำตอบคือ ถ้าปล่อยให้มีอาการเรื้อรังเป็นเวลานาน กรดในกระเพาะอาหารที่หลั่งออกมาจะทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารและอาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้

เมื่อทราบเช่นนี้ก็เกิดความกังวลอีก ซึ่งก่อให้เกิดความเครียด ผู้ป่วยจึงตกอยู่ในวงโคจรของโรคโดยไม่สามารถควบคุมอาการได้

กรดไหลย้อน เกิดขึ้นได้อย่างไร? 

อาการแสบร้อนในอกจากกรดไหลย้อน

โดยกลไกการเกิดโรคกรดไหลย้อน คือ หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทำงานผิดปกติ เกิดการคลายตัวในเวลาที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะตอนกลืนอาหาร เมื่ออาหารไหลลงไปแล้ว หูรูดหลอดอาหารหดตัวปิด อาหารหรือกรดในกระเพาะอาหารจึงไม่ไหลย้อนกลับขึ้นด้านบน

แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่ทำให้หูรูดหลอดอาหารไม่ทำงาน พบเพียงว่ากระเพาะอาหารบีบตัวมากเกินไปจึงทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัว

อาการกรดไหลย้อนจากอาหารฟาสต์ฟู้ดส์

⏹︎ สาเหตุหลักของการเกิดโรคกรดไหลย้อน เกิดจากพฤติกรรมที่เราทำอยู่เป็นประจำ เช่น พฤติกรรมการกินที่ผิดเพี้ยน กินอาหารไม่ถูกต้อง น้ำหนักมาก รายการสูบบุหรี่จัด เหล่านี้ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้

✦  ปัจจัยที่ทำให้เป็นกรดไหลย้อน 

กรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดอาการได้ ดังนี้

♦︎ มีความเครียด เวลาเครียดหรือโกรธจัด อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารออกมามากเกินไป

ความเครียดจากการทำงาน

♦︎ กินอาหารจนแน่นท้อง ซึ่งส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเอ่อล้นออกมา

♦︎ กินอาหารกระตุ้นอาการ เช่น อาหารรสจัด ของทอด ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

♦︎ น้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง เนื่องจากไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้องจะไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้กรดเกิดการไหลย้อนได้

ผู้หญิงมีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินปกติ

♦︎ สวมเสื้อผ้ารัดรูป เช่น ใส่กางเกงยีนส์ฟิตเปรี๊ยะ ใส่สเตย์รัดหน้าท้อง

♦︎ นั่งเอนหลังหรือนอนหลังจากกินอาหารเสร็จใหม่ๆ

♦︎ กินยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาขยายหลอดลม หรือการรับฮอร์โมน และการสูบบุหรี่จัด

♦︎ ตั้งครรภ์ เนื่องจากสตรีตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ซึ่งส่งผลต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้

ผู้หญิงตั้งครรภ์ คนท้อง

เมื่อมีอาการกรดไหลย้อน แล้วไปซื้อยาลดกรดมากินเพื่อแก้อาการ นั่นเป็นวิธีแก้แบบชั่วคราว อาการหายไปแล้วก็จะกลับมาเป็นอีก เพราะไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุนั่นเอง

✦  วิธีแก้กรดไหลย้อน ✦

เมื่อเป็นกรดไหลย้อน หรือโรคอะไรก็ตาม เรามักไปหาหมอฝากหน้าที่ความรับผิดชอบไว้ให้คุณหมอ แต่สำหรับวิธีแก้โรคกรดไหลย้อนต้องอาศัยการดูแลตัวเอง โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ควบคู่กับการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม

อาการแน่นหน้าอกจากกรดไหลย้อน

มูลนิธิ IFFGD แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้วิธีหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการเกิดโรคกรดไหลย้อน ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเลือกกินอาหารให้ถูกต้อง ดังต่อไปนี้

1. เอนหลังหรือนอนหลังจากกินอาหารมื้อใหญ่อย่างน้อย 3 ชั่วโมง และไม่ควรกินอาหารในช่วงเวลาใกล้เข้านอน

2. ไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องก้มตัวลงหลังจากกินอาหารเสร็จ เช่น การปัดกวาดหรือเช็ดถูบ้าน

3. ไม่ควรกินอาหารมากเกินไป ไม่ว่าจะอร่อยมากแค่ไหน ก็ควรกินในปริมาณพอเหมาะ

นักดื่มเหล้า เบียร์และแอลกอฮอล์

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น ของทอด นม เนย หอมหัวใหญ่ ช็อคโกแลต น้ำมะเขือเทศ น้ำส้ม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น

5. ไม่ทะเลาะหรือถกปัญหาเครียดๆระหว่างกินอาหาร ควรกินอาหารในบรรยากาศสบายๆ

6. ควรกินอาหารมื้อกลางวันให้มาก ส่วนมื้อเย็นกินน้อยๆ และเลื่อนเวลามื้อเย็นให้เร็วขึ้นเพื่อให้ห่างจากเวลาเข้านอน

วิธีแก้กรดไหลย้อนด้วยน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus

7. หากมีอาการแสบร้อนกลางอกเป็นประจำ เวลานอนควรหนุนหมอนสูงหรือหนุนผ้าบริเวณเหนือเอวให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อน

8. ควรลดน้ำหนักและบริหารร่างกายเพื่อลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง

ด้วยข้อแนะนำข้างต้น หากเราสามารถประพฤติปฏิบัติตัวได้ เราก็สามารถที่จะรักษาและป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกปฏิบัติตัวให้มีสุขลักษณะที่ดีและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะกระตุ้นอาการโรค แล้วอาการกรดไหลย้อนก็จะไม่มากวนใจเราอีกต่อไป

สมุนไพรว่านหางจระเข้

นอกเหนือจากทั้งกล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งวิธีรักษากรดไหลย้อนที่ปลอดภัยด้วยการเลือกทานสมุนไพรธรรมชาติอย่างว่านหางจระเข้ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสารสำคัญอย่างเช่น สารโพลีแซคคาไรด์ที่ช่วยสมานแผล ลดการอักเสบในหลอดอาหาร และช่วยปรับสมดุลของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร

น้ำว่านหางจระเข้สดเพื่อสุขภาพ Nutrinal S Vera Aloe Vera Juice

เราจึงสามารถเลือกทานน้ำว่านหางจระเข้เพื่อลดอาการกรดไหลย้อนได้ และขอแนะนำ น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้สายพันธุ์บาร์บาเดนซิส ที่ผ่านการปลูกแบบออแกนิกส์

พิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การปอกเปลือกไปจนถึงการบรรจุลงขวด เพื่อให้ได้น้ำว่านหางจระเข้ที่สดใหม่ อัดแน่นด้วยคุณค่าของว่านหางจระเข้แบบเต็มเปี่ยม และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เหมือนได้ทานว่านสดๆจากธรรมชาติจริงๆ

รักษากรดไหลย้อนด้วยเอสเวร่า

✦ การสั่งซื้อสินค้า ✦

สินค้าของแท้จากบริษัทมีจำหน่ายใน Shopee และ Lazada โดยลูกค้าสามารถเข้าไปเก็บโค้ดส่วนลด โค้ดจัดส่งฟรี โค้ดลดพิเศษ แล้วเข้าไปกดสั่งซื้อสินค้าในราคาที่ถูกและดีได้ที่รูปข้างล่างนี้นะคะ

สั่งซื้อน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ผ่าน SHOPEE

หรือกดที่นี่ได้เลยค่ะ  👉 https://s.shopee.co.th/8fEjvS5fuS

ซื้อน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ที่ Lazada

หรือกดที่นี่ได้เลยค่ะ  👉 https://s.lazada.co.th/s.yt3ot?cc

น้ำว่านหางจระเข้สกัดเพื่อสุขภาพ เอสเวร่าพลัส S Vera Plus

บทความที่น่าสนใจ

error: do not copy content!!