FAQ, เบาหวานขึ้นจอประสาทตา

‘เบาหวาน’ขึ้นจอประสาทตา อย่าประมาท

%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b2

เบาหวาน คือโรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ทำให้เส้นเลือดทั่วร่างกายเปลี่ยนแปลงผิดปกติไปจากเดิม

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าโรคเบาหวานสามารถส่งผลต่อทุกอวัยวะในร่างกายก็ว่าได้ ซึ่งอวัยวะที่พบบ่อยว่าได้รับผลแทรกซ้อนจาก’เบาหวาน’ คือ สมอง หัวใจ ไต และดวงตา

โรคตาที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน

ตามหลักแล้วผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานจะต้องได้รับการตรวจดวงตาเป็นประจำทุกปี เพื่อดูว่ามีภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาหรือไม่ นอกจากนี้ยังควรมีการตรวจภาวะต้อกระจกและต้อหินร่วมด้วย

เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนไปอาจส่งผลให้เป็นต้อกระจกเร็วได้ขึ้นและการป่วยด้วยโรคเบาหวานเมื่อนานวันเข้าอาจทำให้เกิดต้อหินได้

เบาหวานขึ้นจอประสาทตาแบ่งได้เป็น 2  ระยะคือ

1. ระยะที่ยังไม่มีเส้นเลือดงอกผิดปกติ ซึ่งในระยะนี้ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา แต่ต้องตรวจติดตามอาการเป็นระยะทุก4-8 เดือนแล้วแต่กรณี

2. ระยะที่มีเส้นเลือดงอกผิดปกติ เนื่องจากโรคเบาหวานทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายเปลี่ยนแปลงแย่ลง เมื่อเลือดไม่สามารถนำออกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์ในดวงตาได้เหมือนเดิม

กลไกของร่างกายจึงพยายามงอกเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา เมื่ออาการดำเนินมาถึงระยะยี้ อาจต้องใช้การยิงเลเซอร์เข้าที่บริเวณจอประสาทตาที่ไม่มีผลต่อการรับภาพ

และทำลายเส้นเลือดที่งอกใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้การมองเห็นแย่ลงหรือสูญเสียการมองเห็นไป เนื่องจากถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆเส้นเลือดที่งอกผิดปกติอาจแตกออก กลายเป็นเลือดออกในลูกตา

ผู้ป่วยจึงมองไม่เห็น ในบางรายมีอาการตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบว่ามองอะไรไม่เห็นเลย สำหรับการยิงเลเซอร์อาจต้องยิงซ้ำหลายครั้งจนกว่าจะถึงจุดที่เหมาะสม

หลังจากยิงเลเซอร์แล้วผู้ป่วยอาจมีอาการตามัวอยู่ครู่หนึ่ง เป็นอาการมัวเนื่องจากความสว่างของแสงเลเซอร์ จะมองเห็นทุกอย่างเป็นสีม่วงๆสักพักก็จะกลับเป็นปกติ

นอกจากนี้เส้นเลือดที่งอกผิดปกติอาจก่อให้เกิดพังผืดไปดึงรั้งจอประสาทตาฉีกขาดได้อีกด้วย หากเป็นในจุดที่อันตราย ทำให้การมองเห็นแย่ลงได้หรือมีเลือดออกมากโดยที่เลือดไม่สลายไปเอง

อาจต้องผ่าตัดวุ้นตา โดยเจาะรูขนาดเล็กเข้าไปในลูกตา แล้วทำการผ่าตัดผ่านรูนั้นจะช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น สำหรับโรคตาอื่นๆ เช่น ต้อกระจก

การรักษาทำได้โดยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “การลอกต้อกระจก” แล้วใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทน ในกรณีของผู้ป่วยเบาหวานอาจมีภาวะที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัดต้อกระจก

เช่น ม่านตาไม่ขยาย เนื่องจากปกติเวลาผ่าตัดต้อกระจกจะต้องขยายม่านตาให้กว้าง ถ้าม่านตาขยายได้น้อย (มักพบในผู่ป่วยเบาหวาน) จะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น

สำหรับการเกิดต้อหินมักเป็นผลพวงมาจากภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาเช่นกัน เหตุที่ผู้ป่วยเบาหวานควรไปรับการตรวจดวงตาอย่างสม่ำเสมอ

เนื่องจากเบาหวานขึ้นจอประสาทตาในระยะแรกๆจะไม่มีอาการแสดงใดๆ ยังคงมองเห็นเป็นปกติกว่าที่จะรู้ตัวว่าเบาหวานขึ้นจอประสาทตาส่วนใหญ่จะเป็นมากแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ควรเข้าใจคือ กระบวนการรักษาภาวะขึ้นจอประสาทตาทำได้เพียงชะลอไม่ให้การมองเห็นแย่ลงกว่าเดิมเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้ดวงตากลับมาดีเหมือนเดิมตอนก่อนเกิดโรคได้

ดังนั้นก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถป้องกันภัยร้ายคุกคามดวงตานี้ได้ ด้วยการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด (ทั้งระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร และระดับน้ำตาลสะสม)

ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมทั้งหมั่นตรวจดวงตาอย่างสม่ำเสมอ เสริมอาหารบำรุงสายตาเช่น ลูทีน ,แคโรทีนอยด์และวิตามินเอ

ม่ว่าคุณจะเป็นเบาหวานหรือไม่ก็ตามคือ ดวงตาเป็นสิ่งที่เราสามารถถนอมและป้องกันได้ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น สวมใส่แว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง

ไม่สูบบุหรี่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาล้า และพักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้งานคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ถนอมและปกป้องดวงตาของคุณตั้งแต่วันนี้

อาหารเสริมบำรุงสายทาร์เกท Target

รักษาเบาหวานด้วยน้ำว่านหางจระเข้

บทความน่าสนใจ

error: do not copy content!!